รองประธานหอการค้าไทย เผย นักลงทุนต่างชาติจับตาดูการจัดตั้งรัฐบาล หากเสียงปริ่มน้ำ จะไม่มีเสถียรภาพ ต้อง 300 เสียงขึ้นไปถึงจะปลอดภัย
“จิตร์ ศิรธรานนท์” รองประธานหอการค้าไทย กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า เราฝันที่จะเห็นนักการเมืองเอาประเทศเป็นตัวตั้ง ซึ่งจากนโยบายหาเสียง และมองไปข้างหน้า เรายังไม่เห็นบิ๊กไอเดีย ที่จะผ่าตัดประเทศจริงๆ ไม่ใช่ทำโบท็อกซ์อย่างทุกวันนี้ เช่น ภาคเกษตรเรายังส่งวัตถุดิบไปขาย อย่างมันสำปะหลัง เรายังขายเป็นกิโล แต่ต่างชาติมารับซื้อแล้วไปแปรรูปเป็นจานชามที่ย่อยสลายได้ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า และขณะนี้ทั่วโลกกำลังต้องการวัสดุที่ย่อยสลายได้ ไม่ต้องการวัสดุที่มาจากปิโตรเคมีหรือน้ำมัน ถ้ามีไอเดียใหญ่ๆ มาขาย นอกจากจำนำ หรือชดเชยเงินให้ แต่เป็นการแปรรูป สร้างมูลค่า ก็จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศ ขณะเดียวกันมันก็จะลดความเหลื่อมล้ำด้วย
ห่วง”ประชานิยม” จะทำให้เงินเฟ้อล้านเปอร์เซ็นต์เหมือนเวเนซุเอลา
รองประธานหอการค้าไทย กล่าวถึงนโยบายของพรรคการเมือง 2 ฝั่งที่เน้นกระตุ้นการบริโภคระดับฐานรากว่า สูตรพวกนี้จะกระตุ้นจีดีพีให้โต ซึ่งจะเห็นผลเป็นตัวเลขขึ้นมาชัดเจน ถ้าทำให้รายได้เขาเพิ่มขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่รัฐเอาเงินไปแจก ไม่ได้เอาปลาไปให้ แต่เกิดจากการตกปลาของเขาเอง ตัวเลขที่เกิดจากการใช้จ่ายอันนี้จะเป็นจีดีพีที่โตจริงๆ พร้อมระบุว่า เป็นห่วงนโยบายประชานิยม กลัวว่าจะเป็นเหมือนเวเนซุเอลาที่เงินเฟ้อล้านเปอร์เซ็นต์ สำหรับนโยบายค่าแรง 400 กว่าบาทนั้น ถือเป็นการจับเอกชนเป็นตัวประกัน เพราะเวลาขึ้นค่าแรง รัฐไม่ได้เดือดร้อน จริงๆ แล้วคนที่มีความเชี่ยวชาญ เราจ้างเกินไปแล้ว อยู่ที่ 500-600 บาท บางคนเกือบ 1,000 บาท และความจริงแล้ว แทนที่จะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ จะต้องพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้มีรายได้เพิ่ม
หอการค้าไทยผลักดัน”ดิจิทัลแพลตฟอร์ม” เพราะกระแสโลกเปลี่ยน
สำหรับเสียงสะท้อนจากเศรษฐกิจฐานรากในขณะนี้ รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีแรก ก็มีเสียงบ่นว่าขายของไม่ดี แต่ช่วงนี้เสียงก็ชักจะหนาหูขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะขายไม่ได้ เพราะหายไปกับการค้าดิจิทัล ออนไลน์ รวมทั้งโมเดิร์นเทรดที่กระเทือนจากออนไลน์ด้วย ก็เป็นกระแสโลกที่เปลี่ยนไป ซึ่งหอการค้าไทยก็ให้น้ำหนักกับเรื่องดิจิทัลแพลตฟอร์มเยอะ พยายามผลักดันในเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่ารัฐจะปรับดิจิทัลแพลตฟอร์มได้อย่างไร ถ้าเราไม่อิงแพลตฟอร์มระดับโลก ซึ่งเราถูกเขากินหัวคิว เพราะแพลตฟอร์มของเราบางทีออกไปก็ไม่เวิร์คเท่าไร ส่วน Startup บ้านเรา ก็อยากเห็นบริษัทใหญ่ๆ เข้ามาช่วยในเรื่องนี้กันเยอะๆ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนรวยยิ่งรวยไป Startup ไม่เกิด ก็ยิ่งจนไป
ถ้าตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จะไม่มีเสถียรภาพ ต้องได้ 300 เสียงขึ้นไปถึงปลอดภัย
รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้มี 2 กรณี 1.ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้ก็ต้องรักษาการต่อ อย่าลืมว่ายังมีมาตรา 44 อยู่ ยังไม่ยกเลิก ซึ่งมาตรา 44 ลบล้างกฎหมายทุกฉบับได้ จะยกเว้นอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นนักลงทุนต่างชาติก็กลัวตรงนี้ เขาไม่ได้กลัวว่าจะใช้มาตรา 44 กับเขา แต่เขาไม่แน่ใจว่าถ้าเขามาลงทุน แล้วมีปัญหาเกิดขึ้น การลงทุนของเขาก็จะยุ่ง ซึ่งนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติ ถ้าเกิดมีปัญหาในใจ เขาก็จะไปที่อื่น เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องโล่ง ในลักษณะที่มีตัวยืนยันว่า เขามาแล้วเขาจะสะดวกไปตามธุรกิจที่เขาจะไป ตอนนี้เขาก็รอดูไปก่อน ส่วนกรณีที่ 2. ตั้งรัฐบาลได้ แต่เสียงปริ่มน้ำ นักลงทุนต่างชาติก็มองว่ามันไม่มีเสถียรภาพ เขาก็กลัวว่าจะมีปัญหา จะทะเลาะกัน มันต้องมีเสียงเหนือปริ่มน้ำ อย่างน้อยที่สุดต้องมี 300 เสียงขึ้นไปถึงจะปลอดภัย นักลงทุนมีอะไรที่ดูแล้วไม่สบายใจ เขาจะชะลอไว้ก่อน จนกว่าจะชัดเจน ซึ่งการจะรวมให้ได้ 300 เสียงนั้นไม่ง่าย มีทางเดียว คือทำอย่างไร นักการเมืองจะเห็นแก่ประเทศ ทั้งนี้ ตนห่วงว่า ถ้า 250 กว่าเสียง ปริ่มน้ำแบบนี้ บริหารได้ไม่กี่วัน จะเกิดยุบสภา ก็จะทอดยาวไปอีก และการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยนั้นไม่ดี เพราะความเชื่อมั่นต่างๆ จะไปเกิดดอกออกผลกับประเทศรอบข้างแทน @