ITD ปีนี้ เน้นขับเคลื่อนประเด็นร้อนมากขึ้น ตั้งศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้ม พร้อมแถลงข่าว ชี้ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ประเทศไทยน่าจะได้อานิสงส์ในเชิงบวกค่อนข้างมาก
ดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า ITD จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อปี 2544 เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการค้า การลงทุน การเงิน และการพัฒนาในทุกด้าน เริ่มแรกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2561 ได้ย้ายไปสังกัดกระทรวงพาณิชย์
สำหรับเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐนั้น ดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ กล่าวว่า เป็นประเด็นด่วนที่กระทรวงพาณิชย์ให้ ITD ติดตามและเสนอแนะความคิดเห็น ซึ่งในมุมมองของ ITD ก็เห็นว่ามีทั้งมุมบวก และมุมลบ ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้รู้เห็นว่าประเทศไทยน่าจะได้อานิสงส์ในเชิงบวกค่อนข้างมาก เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง เมื่อประเทศใหญ่เขามีปัญหากัน เราก็อาจได้รับอานิสงส์ในเรื่องของการย้ายฐานการลงทุน การผลิต การส่งออกที่ไหลเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กำลังตั้งรับอยู่ เรื่องที่มีการลงทุนไหลเข้ามาทั้งจากจีนและสหรัฐ ส่วนมุมลบอาจมีบ้าง ถ้าเราเลือกข้างผิด
ดังนั้น เราต้องวางตำแหน่งเราให้ชัดเจน เพราะเรามีการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ และสหรัฐก็เป็นประเทศใหญ่อันดับต้นๆ ที่ไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงมากอยู่ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการตั้งรับมาพอสมควรในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ที่เราหันมาค้าขายกันเองมากขึ้น ซึ่งโชคดีที่เราค่อยๆ ลดการส่งออกไปยุโรป และสหรัฐ ซึ่งเศรษฐกิจแย่ ส่วนจีนก็ยังเป็นผู้เล่นหลักของเราอยู่ ทั้งนี้ การค้าขายในกลุ่มอาเซียน และ CLMV ก็เข้ามาทดแทนได้มากพอสมควร ทำให้เรามั่นใจได้ว่าในระยะสั้น เราน่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ และสามารถรองรับผลกระทบได้ เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ITD ได้จัดกิจกรรมโฟกัสกรุ๊ป เชิญภาคเอกชน และภาครัฐหลายหน่วยงานมาพูดคุยกัน โดยภาคเอกชนบอกว่าก็คงต้องเดินหน้าไปก่อน แต่คงต้องรอดูความชัดเจนให้มากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาครัฐก็พยายามตั้งรับ และบอกว่าถ้าการลงทุนไหลเข้ามา เราก็ต้องพร้อมสนับสนุน
ดร.ปิยะพร เอี่ยมฐิติวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2562 นี้ ITD มีบทบาทที่ต้องการจะเน้นมากขึ้น คือ จะพยายามขับเคลื่อนประเด็นที่เป็นประเด็นร้อนให้มากขึ้น และงานวิจัยของ ITD ที่ปกติออกปีละครั้ง ก็อาจจะออกรายงานถี่ขึ้นเป็นรายเดือน และเป็นที่มาของการตั้งศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้ม ที่จะมีการแถลงข่าวในกรณีที่มีเรื่องเร่งด่วน นอกจากนี้ ITD ยังวิเคราะห์ข้อมูลเสนอกระทรวงต่างๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายหน่วยงานที่ทำงานซ้ำซ้อนกันพอสมควร
แต่ ITD จะมีบทบาทที่อยู่เหนือระดับประเทศไทยขึ้นไป ขณะที่ฝ่ายกระทรวงก็จะทำบทบาทในประเทศ จะไปก้าวล่วงองค์ความรู้ต่างประเทศไม่ได้ แต่ ITD จะอิสระมากกว่า เพราะเราไม่ใช่ราชการ 100% แต่เราเป็นองค์การมหาชน ซึ่งองค์ความรู้เรานั้น กว้างกว่า สากลกว่า ทันสมัยกว่า และเร็วกว่า แล้วนำมาผสมกับองค์ความรู้ในประเทศ โดยปีนี้ ITD จะต้องปรับปรุงเยอะ รวมไปถึงการรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้อ่านง่าย น่าสนใจ จะได้มีคนเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ
มากขึ้น @