หมอกควันพิษภาคเหนือ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเที่ยวที่อื่นแทน ส่วนการยกเลิกทัวร์-ห้องพัก มีบ้างแต่ไม่เยอะ
“ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า ตอนนี้สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย หนักมาก โดยค่า PM2.5 เคยขึ้นไปแตะถึง 600 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร หนักสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งสาเหตุเกิดจากการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตรในบ้านเรา และในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับไม่มีฝน และไม่มีลมพัดด้วย ซึ่งพื้นที่ภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นแอ่งกระทะ ทำให้อากาศถูกกดอยู่อย่างนั้น สถานการณ์ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นักท่องเที่ยวที่ยังไม่จองที่พัก เปลี่ยนใจไม่ไปเหนือ ส่วนที่จองแล้ว รอดูสถานการณ์
“ภูริวัจน์” กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่ยกเลิกทัวร์หรือยกเลิกห้องพักก็มีบ้าง แต่ยังไม่เยอะมาก สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวสงกรานต์ในภาคเหนือนั้น คนที่ยังไม่ได้จองที่พัก หรือคนที่ตัดสินใจในช่วงสั้นๆ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้านาน คือคิดปุ๊ปก็ไปเลย ตอนนี้คงเปลี่ยนใจหันไปเที่ยวที่อื่นแทน เช่น ภาคใต้ หรือเที่ยวรอบๆ กรุงเทพฯ ส่วนนักท่องเที่ยวที่จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินแล้ว คิดว่าคงยังไม่ถึงขั้นยกเลิกมากนัก เพราะยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ ที่จะดูทิศทางของหมอกควันในภาคเหนือว่าเป็นอย่างไร จางลงหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ใกล้ๆ อีกที
สมาชิกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ หวังพึ่งสิ่งศักด์สิทธิ์ ให้สถานการณ์กลับมาดีเหมือนเดิม
“ภูริวัจน์” กล่าวว่า สมาชิกสมาคมฯ ในภาคเหนือก็พยายามปรับแผน ถึงขั้นถ้าพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ก็พึ่งไปแล้ว เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวยกเลิก และเข้ามาเที่ยวเหมือนเดิม เพราะเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์เหมือนเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคเหนือ และหลังสงกรานต์ก็จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของภาคเหนือ ดังนั้นทุกคนจึงคาดหวังมากว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวและนำรายได้มาสู่ภาคเหนือ เพราะฉะนั้นทุกคนก็อยากให้สถานการณ์กลับมาดีเหมือนเดิม สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท แต่ตอนนี้เราก็ไม่แน่ใจแล้ว ในส่วนของ จ.เชียงใหม่ รายได้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ต่างชาติเข้าใจเรื่องหมอกควัน ไม่กระทบการท่องเที่ยวภาคเหนือในระยะยาว
“ภูริวัจน์” กล่าวว่า ความจริงแล้วเชียงใหม่ และประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นคงเป็นช่วงระยะสั้นๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องภัยธรรมชาติ อีกทั้งเทศกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยมีทุกฤดู เกือบทุกภาค เพราะฉะนั้นหากตรงนี้มีปัญหา เขาก็ไปเที่ยวที่อื่น เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเขาก็กลับมาเที่ยวใหม่ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวภาคเหนือในระยะยาว
เรียกร้องให้มีการปลูกจิตสำนึก ต้องห้ามเผาอย่างจริงจัง
“ภูริวัจน์” กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี ซึ่งเกิดมานับสิบปีแล้วนั้น ที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกัน มีการออกมาตรการห้ามเผา มีการลงโทษตามกฎหมาย แต่ในส่วนของการปฏิบัติอาจทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น จะต้องมีการปลูกจิตสำนึก ต้องมีการห้ามเผาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างๆ ก็พยายามแจ้งไปยังนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คงจะทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ก็จะกำชับให้เตรียมหน้ากากอนามัย หรือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็ให้เตรียมยามาด้วย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า จะมีจดหมายแจ้งสถานการณ์ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะบางประเทศคิดว่าหมอกควันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในภาคเหนือ แต่เกิดขึ้นทั้งประเทศไทย ก็ต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจ ส่วนภาครัฐก็ต้องประสานต่างประเทศเพื่อขอความร่วมมือเรื่องลดการเผา เพราะมันไม่ได้เกิดปัญหาเฉพาะในบ้านเรา แต่เกิดปัญหาในบ้านเขาด้วย
ถ้าไม่มีปัญหาการเมือง-หมอกควัน การท่องเที่ยวไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาสแรก
“ภูริวัจน์” ยังกล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวทั้งประเทศในไตรมาส 2 ว่าน่าจะดีขึ้น ถ้าตั้งรัฐบาลได้เร็ว ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง การท่องเที่ยววิถีไทย ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไตรมาส 2 น่าจะฟื้นตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยเองก็เที่ยวเมืองรองมากขึ้น เที่ยวชุมชนมากขึ้น ประกอบกับมีวันหยุดยาว ดังนั้นคิดว่าถ้าไม่มีปัญหาการเมือง หรือปัญหาหมอกควัน การท่องเที่ยวในไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่ค่อนข้างทรงๆ @