เร่งตั้ง “ศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์” ตามนโยบาย รมว.ดีอี เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้ รองปลัดดีอี แนะ ประชาชนต้องมีสติในการรับรู้ข่าวสาร ไม่มีแหล่งที่มาไม่ควรกระจายต่อ
ตามที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้นโยบายในการตั้งหน่วยงานศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องนั้น นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี กล่าวว่า “เฟคนิวส์” หรือข่าวปลอมในบ้านเรามีหลายลักษณะ ทั้งเป็นทั้งเรื่องจริงแต่เกิดคนละเวลา
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต แต่นำมาเป็นฐานข้อมูลว่าเกิดขึ้นวันนี้ หรือบางเรื่องเป็นข้อมูลที่พูดไม่หมด ตัดตอนมา บางอันก็เป็นข้อมูลปลอมทั้งชุด เป็นข้อมูลที่ไม่จริงเลย ซึ่งข่าวปลอมเหล่านี้ถ้าพูดกันตามประสาชาวบ้าน ไม่ได้ออกสู่สาธารณะ เพียงล้อเล่นกัน เป็นความสุขของวงแคบๆ ก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อขยายไปสู่ระบบสังคมส่วนรวมแล้ว จะเป็นข่าวปลอมไม่ได้เลย ต้องเป็นข่าวจริงเท่านั้น เพราะถือเป็นผลกระทบต่อสังคม
ปัจจุบันมีการนำเฟคนิวส์มายั่วยุปลุกปั่น ทำให้สังคมขัดแย้ง สับสน ประชาชนอยู่อย่างไม่เป็นปกติสุข เราจึงต้องเอาข่าวจริงมาให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งวันนี้ “เฟคนิวส์” เป็นปัญหาของทั่วโลก ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวมทั้งสังคมโลกและสังคมบ้านเรา ทุกประเทศเจอเหมือนกัน โดยมีลักษณะที่หลากหลายและแตกต่างกัน ประเทศไทยเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลกระทบในเรื่องนี้ บางเรื่องก็เอามาจากต่างประเทศมาแปล หรือมาขยายความซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบ้านเรา
นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ กล่าวว่า “เฟคนิวส์” ในบ้านเรามีหลายมิติ ทั้งการกุข่าวทำให้ประชาชนตกใจว่าเกิดภัยพิบัติธรรมชาติในที่ต่างๆ การพูดเรื่องที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือบางเรื่องที่ทำเป็นข่าวแล้วทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องสุขภาพ การสื่อสาร หรือโฆษณาปลอม หรือข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน นำมาขายผลิตภัณฑ์หรือสิ่งของที่โฆษณาเกินจริง เช่น บอกว่ามียาหยอดตาที่มีประสิทธิภาพ แต่ทำให้ประชาชนตาบอด หรือ ยาที่กินแล้วทำให้ร่างกายสมบูรณ์ หรือเพิ่มขนาด ที่ไม่มีมาตรฐานรองรับ ถือว่าเป็นข่าวที่มีผลกระทบต่อประชาชน ส่วนเรื่องทางการเมืองนั้นก็มี แต่เป็นหน้าที่ของอีกหน่วยงานหนึ่ง เราจะไม่มุ่งเป้าไปที่เรื่องการเมือง เรื่องที่ทางราชการหน่วยงานทำร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และกรมประชาสัมพันธ์ จะพูดถึงเรื่องที่กระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และประชาชน เราจะไม่ยึดเรื่องการเมืองมาเป็นองค์ประกอบในการทำงาน แต่เราจะดูแลประชาชนให้อยู่ดีมีสุข เข้าใจข้อมูลที่ไปสู่สาธารณะอย่างถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
“อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ส่งสัญญาณเตือนให้ระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ข้อมูลจริงคือเรื่องนี้ท่านพูดเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เป็นการบอกให้ประชาชนประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ได้พูดในขณะนี้ที่เศรษฐกิจเราดี ยังสามารถดูแลได้ และไม่ได้พูดครบถ้วน เอามาไม่ครบ เมื่อท่านไม่ได้พูด และไม่มีแหล่งที่มารองรับ เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาเพื่อทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ
ถ้าประชาชนไม่รู้ข้อมูลจริงๆ ก็อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนและเกิดผลกระทบโดยรวมได้ หลายๆ เรื่องที่นำข้อมูลเข้าสู่สาธารณะต้องเป็นเรื่องจริง ข่าวจริงเท่านั้น ไม่ใช่บางส่วน หรือนำมาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เว็บไซต์ใดหรือสื่อสารมวลชนใดก็ตาม เมื่อเห็นข้อมูลนี้ออกมาแล้วควรวิเคราะห์ หรือตรวจสอบก่อน มิใช่นำไปเผยแพร่ต่อเลย ควรรู้ที่มาที่ไปว่าข้อมูลนี้รับมาจากที่ไหน และสามารถเอาไปทำอะไรได้ต่อ” รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าว
ส่วนที่มีการทำ “เฟคนิวส์” ในลักษณะเป็นธุรกิจนั้น ถ้าตรวจสอบได้ว่ามีการทำและทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคม และทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องไปตรวจสอบและดูแล ส่วนกระทรวงดีอีจะทำหน้าที่ตามที่ขอบเขตของกฎหมายให้ดำเนินการ คือ ด้านไหนที่มีผลกระทบต่อสังคมและไม่เป็นความจริง เราก็มีหน้าที่และขั้นตอนเสนอต่อรัฐมนตรีดีอี เพื่อให้รัฐมนตรีลงนาม และส่งเรื่องไปยังศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการปิดกั้น
แต่ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงอุตสาหกรรม องค์การอาหารและยา หรือกระทรวงพาณิชย์ที่เขาดูกฎหมายตัวนี้อยู่ หน้าที่ดำเนินการกับพวกผลิตข่าวปลอมเป็นหน้าที่แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงดีอีจะทำหน้าที่สื่อสารให้สังคมรับรู้ว่าควรรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากจุดใด หน่วยงานใด หรือควรเป็นหน่วยงานใดที่จะทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระแสตระหนกตกใจเกิดเป็นบริเวณกว้าง หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
ความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์เฟคนิวส์เซ็นเตอร์ รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับส่วนราชการและสังคมในกรอบ 3 เดือนคงจะมีความชัดเจน ตอนนี้เราต้องตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร แล้วภาคเอกชน ภาคประชาสังคม มีใครบ้างที่ต้องร่วมกันทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือและทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดศูนย์ได้เร็วที่สุด โดยกระทรวงดีอีเพียงเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ แต่ละหน่วยงานมีหน้าที่ มีหลักการทำงานอยู่แล้ว เราก็เอาข้อมูลต่างๆ มาผสมผสาน บูรณาการการทำงานเพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และรวมกันเป็นวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อแจ้งประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเบื้องต้น ไม่ให้เกิดผลกระจายเป็นวงกว้างต่อไป เมื่อตั้งศูนย์เสร็จแล้ว ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบข่าวที่สงสัยได้ว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม
“เราจะมีแอปพลิเคชั่น มีคอลเซ็นเตอร์ มีช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบ และตอบคำถามประชาชนได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ปล่อยให้มันไหลเรื่อยไปเป็นวันๆ จนทำให้กระจายไป ทำให้การตื่นตระหนกแพร่เป็นวงกว้าง เราต้องหยุดข่าวที่ไม่เป็นความจริงให้เร็วที่สุด”
ส่วนการทำแอปพลิเคชั่นนั้น รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าวว่า กำลังหารือกันเพื่อใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมสูงสุด จะได้ไม่ใช้งบประมาณให้สิ้นเปลือง กำลังหารืออยู่ว่าจะใช้จุดไหน แอปใด จึงจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนได้เร็วที่สุด ซึ่งการตรวจสอบ “เฟคนิวส์” นั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงตรวจสอบได้อยู่แล้ว
เพราะเราอยู่กับข้อมูลตลอด แต่ประชาชนไม่ได้อยู่กับข้อมูลตลอด เขาก็จะตระหนกตกใจ และเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงที่จะต้องตรวจสอบและรีบแจ้งข้อมูลที่เป็นจริงให้สังคมรับรู้ ข่าวสารที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนก็จะหายไปทันที
ที่ผ่านมาเราไม่มีใครออกมาดูแล ก็ปล่อยให้ข่าวไหลไปเรื่อยๆ สร้างความสับสนให้สังคม ส่วนประชาชนก็ต้องมีสติในการรับข้อมูลข่าวสาร ถ้าไม่รู้แหล่งที่มาของข่าวสาร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบทำให้ตัวเองต้องทำผิดกฎหมาย เมื่อเห็นข่าวที่ไม่มีแหล่งที่มา ก็ควรดูเฉยๆ ไม่ควรขยายต่อหรือแชร์ต่อไปยังคนอื่น ยกเว้นข้อมูลนั้นมีแหล่งที่มาที่ไปครบถ้วน สามารถยืนยันได้ก็ค่อยกระจายข่าวสารไปยังคนที่เรารัก ที่เราใกล้ชิด
“ที่ผ่านมา เราเชื่อคนที่แชร์ข่าวสารมาให้ อาจเป็นเพื่อนฝูงคนสนิท แต่ไม่เคยตรวจสอบว่าคนที่ส่งมาเขารับมาจากไหน ปัจจุบันต้องตรวจสอบก่อน เนื้อหาทั้งหมดมีจริงหรือไม่ เปิดดูก่อน บางทีต้นหัวอาจจะใช่ แต่ข้างในอาจมีอะไรแอบแฝงมา บางทีแอบแฝงมาจากบุคคลไม่พึงประสงค์ ไม่หวังดีต่อตัวท่านเองหรือสังคม
ถ้ากระจายต่อก็จะเกิดผลกระทบได้ ต้องมีสติในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรกระจายต่อ และถ้าจะกระจายต่อต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนและถูกต้อง หรือเป็นข้อมูลข่าวสารที่ทางราชการกระจายอยู่” นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ กล่าว @