วิธีชงกาแฟให้อร่อยนั้นมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน แน่นอนว่าแต่ละกรรมวิธีให้ทั้งรสชาติและกลิ่นกาแฟต่างกันออกไป ทั้งกลิ่นหอม กลิ่นคั่วไหม้ ลุ่มลึก เข้มข้น เต็มอิ่ม หรือบางเบาชุ่มฉ่ำกลิ่นรสเปรี้ยวผลไม้
แต่ถ้าพูดถึง วิธีการชงกาแฟคั่วบด (roasted & ground coffee) ที่ง่ายและสะดวกที่สุดอีกแบบหนึ่งแล้ว คงไม่พ้นไปจาก “French Press Coffee” เป็นแน่แท้
French Press หรือ เครื่องชงกาแฟแบบกดนั้น เป็นหนึ่งในวิธีชงกาแฟที่โด่งดัง และได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีชื่อเรียกหลากหลายในแต่ละประเทศ เช่น Press Pot, Coffee Press, Coffee Plunger, Cafetiere, Cafetière à piston, Cafeteria หรือแม้แต่ Bodum ก็ตาม นัยว่าเป็นที่รู้จักและนิยมใช้ชงกาแฟสดดื่มกันตามบ้านเรือนในยุโรปมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
แรกเริ่มเดิมทีนั้น ว่ากันว่า French Pot ถูกคิดค้นขึ้นโดย Paolini Ugo ทว่าในปี 1852 ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Mayer และ Delforge ได้จดสิทธิบัตรเครื่องชงกาแฟสดรูปแบบนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ตอนนั้นยังไม่มีการทำอุปกรณ์ตัวกรอง (Plunger) เหมือนเช่นทุกวันนี้
ต่อมา มีการนำไปจดสิทธิบัตรหลายครั้ง เช่น นักออกแบบชาวเมืองมิลาน ของอิตาลี 2 นาย ชื่อว่า Attilio Calimani และ Giulio Moneta ในปี 1929 ทั้งสองได้นำขดลวดสปริงมาใส่ไว้รอบแผ่นกรอง หรือฟิลเตอร์ เพื่อช่วยให้ผงกาแฟหลุดผ่านออกมาให้น้อยที่สุด
อุปกรณ์การชงกาแฟสดชนิดนี้ มีชื่อเรียกขานแตกต่างกันออกไปหลากหลาย ดังนั้น เวลาเราจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนแล้วอยากสั่งกาแฟสไตล์นี้มาดื่ม ต้องค้นคว้าหาชื่อเรียกกันหน่อยครับ โดยเฉพาะในยุโรป เช่น ในอิตาลี เรียกกันว่า caffettiera a stantuffo ในเยอรมนี เรียกว่า Stempelkanne (Stamp pot)
ขณะที่ในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และในแอฟริกาใต้ รู้จักกันในนาม Coffee plunger ส่วนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เรียกว่า French press หรือ Coffee press
ในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ อุปกรณ์ชงกาแฟชนิดนี้ เรียกกันว่า Cafetière ซึ่งเป็นคำฝรั่งเศส หมายถึง อุปกรณ์ชงกาแฟนั่นเอง
นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ปรากฏว่า French Press ถูกออกแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงไปทั้งวัสดุที่ใช้ผลิตและรูปทรง ที่ว่ากันว่า การชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแบบกด (Coffee Press) ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในฝรั่งเศสนั้น ใช้วัสดุอย่างโลหะหรือผ้าเป็นตัวฟิลเตอร์หรือตัวกรองกากกาแฟ
ในปี 1958 ชาวสวิสชื่อ Faliero Bondanini ได้นำ Coffee Press ไปดัดแปลงแก้ไขอยู่หลายครั้ง ต่อมา เขาได้นำไปจดสิทธิบัตร Coffee Press เวอร์ชั่นของเขาเอง และเริ่มผลิตในโรงงานผลิตเครื่องดนตรีคลาริเน็ต ในฝรั่งเศส ภายใต้แบรนด์ “Chambord” จนเป็นที่รู้จักกันดีและแพร่หลายกันมากในดินแดนน้ำหอม ต่อมา นาย Bondanini ขยายฐานสินค้า โดยข้ามทะเลส่งออกไปขายยังตลาดอังกฤษ ในชื่อ “La Cafetiére Classic”
อีกไม่กี่ปีต่อมา บริษัท Bodum ของเดนมาร์กได้กลายเป็นผู้จัดจำหน่าย Chambord ในเดนมาร์ก และได้ซื้อสิทธิบัตรการผลิตสินค้าแบรนด์นี้จากนาย Bondanini
ความนิยมในเครื่องชงกาแฟชนิดนี้ เริ่มเพิ่มขึ้นในปี 1965 เนื่องจากไปปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์ของ Michael Caine ที่ชื่อ “The Ipcress File” (คลิกชมได้ตามลิงก์นี้ https://www.youtube.com/watch?v=_KqBJXbBeTI) ทำให้บริษัทอังกฤษชื่อ Household Articles Ltd. และบริษัท Bodum จากเดนมาร์ก เห็นช่องทางขยายการตลาด นำไปผลิตจำหน่าย และโปรโมท จนอุปกรณ์ดังกล่าวได้รับความนิยมไปทั่วทั้งยุโรป
เครื่องชงแบบนี้เหมาะสำหรับชงดื่มคนเดียว หรือสองคนก็สุดแล้วแต่ เพราะขึ้นอยู่กับขนาดของ French Press ด้วย ปกติ 2 ถ้วย ก็ใช้เครื่องชงขนาด 350 มิลลิลิตร แต่ถ้ามีแขกเหรื่อมาที่บ้านกันหลายคน เจ้าบ้านอยากต้อนรับด้วยกาแฟสดรสนุ่ม กลิ่นหอมละมุน ก็ปรับไปใช้ French Press ขนาด 5-8 ถ้วย ก็เห็นมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าหรือทางออนไลน์กันหลายเจ้าอยู่
การชงกาแฟตามวิธี French Press ก็ไม่ได้ลำบากหรือยุ่งยากมากแต่ประการใด เรามาดูกันครับ
(คลิกชมคลิปวิธีชงได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=kJswmahEgkI)
1. เริ่มด้วยการเอา plunger ออกจากเครื่อง แล้วใส่ผงกาแฟคั่วแบบบดหยาบ (grind coarse) ซึ่งเหมาะกับ French Press มากที่สุด ลงไปในเครื่องชง หากมี French Press ขนาด 500 มิลลิลิตร ใช้กาแฟบดประมาณ 30 กรัม ถ้าชอบเข้มก็เพิ่มปริมาณกาแฟลงไป
2. เทน้ำร้อน (อุณหภูมิ 90-95 องศาเซลเซียส) 500 มิลลิลิตร ลงไป แล้วใช้ช้อนสะอาดคนช้าๆ ให้กาแฟบดจมน้ำ สัมผัสกับน้ำร้อนเต็มที่ เพื่อดึงความหอมของกาแฟออกมา (บางสูตรบอกว่าไม่ต้องคนก็ได้)
3. ใส่ plunger ในเครื่องชง แต่ยังไม่กดลงก้นเครื่อง ทิ้งไว้ประมาณ 4-5 นาที
4. จากนั้นค่อยๆ กด plunger ลงไปให้ผงกาแฟบดลงไปนอนอยู่ที่ก้นเครื่องชง แล้วรินกาแฟใส่ถ้วย
เชื่อมั่นว่าคุณจะได้จิบกาแฟสดที่รสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล หอมจรุง เหมือนยืนชมวิวอยู่บนภูเขาเลยทีเดียว
ปัจจุบัน มีการผลิต French Press ออกมาในหลากหลายวัสดุ ทั้งแก้ว พลาสติก สแตนเลส หรือเซรามิค มีหลายบริษัทนำไปต่อยอดให้กับยุคสมัยและตอบสนองวิถีของผู้บริโภค อย่าง แบรนด์ Espro หรือ Bodum ได้ผลิต French Press แบบพกพาติดตัวสำหรับชงกาแฟดื่มระหว่างเดินทาง
ว่ากันว่า การชงแบบ French Press สามารถดึง “เอกลักษณ์ของกาแฟ” ที่นำมาชงได้อย่างเต็มที่ หมายความว่า ถ้ากาแฟที่นำมาใช้คุณภาพดี รสชาติก็ออกมาดี นั่นแหละครับ…เพราะกาแฟไม่เคยหลอกลวงใคร
ข้อแนะนำ : กาแฟที่คั่วสดใหม่อายุไม่เกิน 1 เดือน จะให้กลิ่นและรสชาติที่กลมกล่อม หากทิ้งไว้นานกว่านั้น ความสดจะลดลง แถมยังอาจมีกลิ่นหืนเข้ามาเยี่ยมเยือนอีกด้วย…@
facebook : CoffeebyBluehill