น่าสนใจครับ 8 เทรนด์กาแฟโลกที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในปี 2020 จัดทำขึ้นโดย Seven Miles Coffee Roasters แบรนด์กาแฟดังจากออสเตรเลีย
ลองอ่านเพื่อเป็นไอเดียเอาไปพัฒนาต่อยอดสำหรับร้านกาแฟในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือผู้รักชื่นชอบเครื่องดื่มชนิดนี้ มีหลายเรื่องหลายประเด็นน่าคิดและน่าติดตามมากทีเดียว
Seven Miles ได้ใช้งานวิจัยของบริษัทเอง ทำขึ้นจากวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลก วาดภาพเป็นแนวโน้ม หรือทิศทางที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามร้านกาแฟ หรือเอสเพรสโซ บาร์ ของออสเตรเลีย ในปี 2020
ในบทความชิ้นนี้ ระบุไว้ชัดเจนว่า พยายามหลีกเลี่ยง ไม่พูดถึงเทรนด์กาแฟซึ่งเห็นว่าจะเกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วคราว แต่ขอมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มอันเชื่อว่าจะเป็นพื้นฐานต่อไปในระยะยาว
1.ICED COFFEE ยังร้อนแรงอยู่
กาแฟเย็น (Iced Coffee) ไม่ใช่เมนูใหม่ในโลกกาแฟแต่อย่างใด แต่ก็เริ่มได้รับความนิยมสูงมาหลายปีแล้ว และในปี 2020 ยังจะเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง
จากการวิจัยล่าสุดของ Allegra World Coffee Portal USA พบว่า กาแฟเย็น รวมไปถึงกาแฟสกัดเย็น (Cold Brew Coffee) มีอัตราการเติบโตที่ระดับ 7.3% ต่อปี เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของอัตราการเติบโตของกาแฟร้อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.6% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก Square Australian Coffee Report ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวในระดับสูงของตลาดกาแฟเย็น
ในอดีตกาแฟเย็น เป็นเครื่องดื่มที่มักจะปรุงรสด้วยน้ำตาล นม และส่วนผสมต่างๆ มุ่งเน้นไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อย หรือไม่ชอบรสขมของกาแฟดำ ในบ้านเราก็คงเป็นพวกกาแฟเย็นใส่นม หรือคาปูชิโนเย็น
ทว่าขณะนี้ เมื่อเกิดความนิยมในกาแฟเย็นแบบไม่หวานขึ้นมาในหมู่นักดื่มรุ่นใหม่ๆ ปรากฏการณ์นี้จึงไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป แต่เป็นอีกทางเลือกที่กำลังลงหลักปักฐานในแทบจะทุกร้านกาแฟ ล้อไปกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาดูแลเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น
เมนูกาแฟเย็นที่มาแรงแซงทางโค้งนำโด่งในเทรนด์นี้ ก็คือ cold brew หรือกาแฟสกัดเย็นนั่นเอง… วิธีชงกาแฟที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดานี้ กลายเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของคอกาแฟในแทบทุกมุมโลก ต้องขอบคุณรสชาติที่มีความละมุน หอมหวาน ดื่มง่าย มีความเปรี้ยวต่ำกว่ากาแฟร้อน อีกทั้งขั้นตอนการชงก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถทำกันเองได้อย่างสบายในบ้านหรือตามออฟฟิศ
เทรนด์นี้ได้รับความสนใจจากบรรดาบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กาแฟรายใหญ่ หลายรายมีการพัฒนาเครื่องชง cold brew ทั้งในระบบแมนนวลและระบบอัตโนมัติ ในงานนิทรรศการงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมทางด้านอาหารและบริการที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก หรือ HOST Milan 2019 ที่เมืองมิลาน อิตาลี เมื่อเดือนตุลาคม 2019 ก็มีแบรนด์กาแฟจำนวนไม่น้อยที่ประกาศเปิดตัวเครื่องชง cold brew โมเดลใหม่ๆ
อดัม คาร์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษากาแฟของ Seven Miles ให้ข้อมูลว่า เครื่อง Topbrewer ตัวใหม่ของแบรนด์ Scanomat จากเดนมาร์ก จัดว่าน่าประทับใจเอามากๆ สามารถชงได้ทั้งเอสเพรสโซ่ร้อน กาแฟเย็น หรือกระทั่งกาแฟไนโตรสกัดเย็น (Nitro Cold Brew Coffee) จากแท็ปเดียวกัน เพียงกดปุ่มแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่า เป็นเครื่องชงกาแฟที่ “สร้างโอกาส” สำหรับอุตสาหกรรมกาแฟเลยทีเดียว
2.นมอัลมอนด์/นมข้าวโอ๊ต… ทางเลือกใหม่
จดจำวันเวลาที่นมโค และถั่วเหลือง เป็นเพียง 2 ทางเลือกของนมที่นำมาใช้ในการปรุงเมนูต่างๆ ในร้านกาแฟออสเตรเลีย ได้หรือไม่? … ทว่าวันเวลาเหล่านั้นได้หายไปนานแล้ว
ในปี 2019 นมอัลมอนด์ที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินอี ได้เข้ามาแทนที่นมถั่วเหลืองอย่างเป็นทางการในฐานะ “นมชงกาแฟ” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตามร้านกาแฟในแดนจิงโจ้ ..
ตามข้อเท็จจริงนั้น ผลิตภัณฑ์ทดแทนนม เช่น พวกนมข้าว นมข้าวโอ๊ต นมถั่วอัลมอนด์ กำลังเติบโตขึ้นทั้งระบบ ซึ่งจากตัวเลขของตลาดค้าปลีก / ร้านสะดวกซื้อ พบว่า นมจากถั่ว รวมถึงนมอัลมอนด์ มีการเติบโตที่ระดับ 8% ต่อปี ขณะที่นมถั่วเหลืองยังคงเติบโตที่ระดับ 5.9%
เพราะเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง …ไม่เพียงแค่นั้น บรรดาลูกค้ากำลังขอเพิ่มทางเลือกอื่นๆ และใหม่ๆ อีกมาก เช่น น้ำนมข้าว และนมแมคคาเดเมีย อย่างไรก็ตาม ในเมนูทางเลือกใหม่เหล่านี้ ที่ต้องจับตามองที่สุด เห็นจะไม่พ้นไปจากนมข้าวโอ๊ต
จากรายงานของ Café Pulse บริษัทวิจัยธุรกิจกาแฟ ระบุว่า ยอดขายข้าวโอ๊ต เพิ่มขึ้นเหมือนปรอทแตก 425% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2017 ขณะที่นมข้าวโอ๊ตดูเหมือนจะยังเป็นของใหม่ในตลาดผู้บริโภคออสเตรเลีย แต่สำหรับในร้านกาแฟสหรัฐและอังกฤษ นมข้าวโอ๊ตได้รับความนิยมมาก่อนแล้ว อาจเป็นเพราะว่าด้วยกลิ่นและรสชาติที่คล้ายกับนมวัวมากที่สุดก็เป็นไปได้ น่าจะเป็นนมจากพืชที่ถูกใจบาริสต้ามากที่สุด หากต้องการนำมาใช้แทนนมวัว
มาคัส เฟลห์เบิร์ก จาก The Alternative Dairy Co บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่า เครื่องดื่มนมทางเลือก หรือนมจากพืช จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปัจจัยหลักๆ ที่ลูกค้าหันมาเลือกบริโภคนมจากพืชแทนนมจากสัตว์นั้น ไม่เพียงแต่เพราะเหตุผลด้านโภชนาการเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะว่าลูกค้าต้องการ “ให้มี” ด้วย
3.กาแฟฟิลเตอร์ยังไม่ตกกระแส
เมื่อรสนิยมของคนรุ่นใหม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มไปสู่กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast Coffee) ที่รสชาติ ความเปรี้ยว และกลิ่นของผลไม้ยังคงมีหลงเหลืออยู่มากกว่ากาแฟที่คั่วเข้ม (Dark Roast) และการชงกาแฟอย่างเรียบง่ายตามวิถีสโลว์ไลฟ์ เช่น Drip coffee และ Cold brew กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในร้านกาแฟทั่วโลก ตัวเลขที่เป็นหลักฐานรองรับ ก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ในเอสเพรสโซ บาร์ ของ Seven Miles ในย่านเมนลี วาล์ว มีอัตราเพิ่มขึ้นของยอดขายกาแฟดำ ทั้งลอง แบล็ค, เอสเพรสโซ และกาแฟดริป ถึง 52% ต่อปี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในระหว่างปี 2019 ยอดขายเมล็ดกาแฟทุกประเภทที่คั่วแบบหยาบสำหรับกาแฟดริปหรือเฟรนช์เพรส ที่เรียกกันว่า “Filter Roast” ของ Seven Miles เองก็เพิ่มขึ้น 20% ถือว่าสูงกว่ายอดขายเมล็ดกาแฟแต่คั่วเข้มสำหรับเอสเพรสโซ
แน่นอน แม้ว่าออสเตรเลีย กาแฟเติมนมอย่างพวกแฟล็ตไวท์, คาปูชิโน หรือลาเต้ ยังคงเป็นเซกเมนต์หลักในขณะนี้ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป
4.Reuse เพื่อการดื่มกาแฟที่ยั่งยืน
ในออสเตรเลีย ความกังวลเกี่ยวกับแก้วกาแฟที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเลย เช่น แก้วพลาสติก มาถึงจุด “หักเห” ในปี 2017 เมื่อบริษัทสื่อรายใหญ่อย่าง ABC News เริ่มผลิตซีรีส์ข่าวสะท้อนปัญหาขยะพลาสติกออกมาเป็นชุดๆ เพียงชั่วข้ามคืน…กระแสลดขยะก็พุ่งรุนแรงราวพายุใหญ่ ความต้องการถ้วยกาแฟแบบรียูสเพื่อนำกลับมาใช้ได้อีกก็เพิ่มขึ้นพรวดพราด
หลังจากคลื่นลมมหาสมุทรเริ่มสงบลงบ้างแล้ว ทว่าความสนใจในถ้วยแบบพกพาหรือแบบนำกลับมาใช้ได้อีก ก็ยังคงเติบโตขึ้นในแต่ละปี สำหรับลูกค้าร้านกาแฟในออสเตรเลียนั้น แทบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคกาแฟอย่างถาวรเลยก็ว่าได้
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น… ในปี 2019 Seven Miles ได้ผลิตสินค้าใหม่ๆ และทำโปรเจกต์ต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดขยะพลาสติก เช่น ภาชนะที่รียูสได้พวกถ้วยกาแฟ หลอดกาแฟ หรือถุงใส่กาแฟคั่ว โดยร่วมมือกับ Terracycle บริษัทบริหารจัดการขยะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งสิ่งที่เป็นผลติดตามมาก็คือ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 8 ตัน
แล้วหลังจากนี้ไป แนวโน้มหรือเทรนด์รักษ์โลกในอุตสาหกรรมกาแฟแบบไหนจะเกิดขึ้นอีก ?
งานวิจัยล่าสุดจากศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษากาแฟของ Seven Miles บ่งชี้ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ร้านกาแฟแต่ละร้านมีการใช้พลังงานคิดเป็น 53% ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบกับ 0.6% ที่เกิดจากแก้วกาแฟใช้ครั้งเดียวทิ้ง …สิ่งที่ทำให้เปอร์เซ็นต์ตรงนี้สูงขึ้น คือพลังงานที่ถูกใช้จากเครื่องชงเอสเพรสโซ… อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นการพัฒนาที่น่าสนใจเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้กันแล้ว
Carimali บริษัทผลิตเครื่องชงเอสเพรสโซสัญชาติอิตาเลี่ยน ได้นำเทคโนโลยีใหม่เรียกว่า “boilerless” มาแสดงที่งาน HOST Milan 2019 ซึ่งผู้ผลิตรายนี้เคลมว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ พลังงานที่ใช้จะน้อยกว่าเครื่องเอสเพรสโซแบบดั้งเดิมถึง 90% แน่นอน ฟองครีมาเอสเพรสโซจากเครื่องชงที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ยังคงสวยงามเช่นเคย
“การมุ่งเน้นไปเฉพาะการแก้ปัญหาถ้วยกาแฟที่ใช้แล้วทิ้งเพียงถ่ายเดียว ทำให้เรามองข้ามประเด็นสำคัญไปเมื่อพูดกันถึงเรื่องความยั่งยืนกับธุรกิจกาแฟ จริงๆแล้ว การลดผลกระทบจากการใช้พลังงานของอุตสาหกรรมกาแฟ เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง” อดัม คาร์ จากศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษากาแฟ สรุป
ตอนหน้ามาว่ากันต่อกับอีก 4 เทรนด์กาแฟมาแรงในปี 2020 ครับ
facebook : CoffeebyBluehill