สัปดาห์ก่อน พาท่านผู้อ่านเข้าสู่โหมดเที่ยวหนาวนี้กับ 10 อุปกรณ์ชงกาแฟสายแคมปิ้ง ตอนที่ 1 ว่ากันไปแล้วถึง 5 ประเภทด้วยกัน เริ่มจากถุงผ้าดริปกาแฟของ Brew Buddy, กรวยกรองแบบใช้ซ้ำได้ไม่เป็นขยะ, ดริปเปอร์ซิลิโคนพับเก็บได้, ดริปเปอร์สามขาของ GSI Outdoors ไปจนถึง AeroPress เพื่อรสชาติที่แตกต่าง สัปดาห์นี้มาพบกับอีก 5 อุปกรณ์ยอดนิยม จะเป็นชนิดไหน ของแบรนด์ใดกันบ้าง ติดตามกันได้เลยครับ
6.เอสเพรสโซพกพา มาพร้อมครีมาเนียนตา
อุปกรณ์ชงกาแฟเอสเพรสโซแบบพกพา หรือ Portable Espresso Maker ใช้แรงมือปั๊ม ไม่ต้องการไฟฟ้า ขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา ต้องการพื้นที่เก็บน้อย ขอเพียงมีน้ำร้อนไว้ใส่ในกาแฟคั่วบดเท่านั้น ก็ได้เอสเพรสโซกลิ่นรสเข้มขลังที่มีครีมาเนียนๆ สวยๆ มาซดกันแล้ว
จึงเหมาะสำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวทั้งหลายพกติดตัวไปชงกาแฟดื่มกันกลางดงกลางดอย หรือจะชงดื่มที่บ้านหรือตามออฟฟิศก็ได้ทั้งนั้น บางรุ่นใช้ได้ทั้ง กาแฟคั่วบด และแคปซูลกาแฟ
เอสเพรสโซขนาดพกพานี้ แม้จะเล็กมากเมื่อเทียบกับเครื่องชงขนาดใหญ่ แต่บางรุ่นมีแรงอัดในการสกัดกาแฟถึง 20 บาร์ ครีมาจึงค่อนข้างออกมาดี ตามมาตรฐานนั้นต้องใช้กาแฟคั่วบดแบบละเอียด เพราะถ้าบดละเอียดมากจนเป็นผงแบบแป้ง จะใช้แรงมือกดช้อตกาแฟออกมาได้ยากมาก หรือถ้าบดหยาบมากเกินไป บอดี้หรือเนื้อกาแฟก็เบาบางลง แถมครีมาก็ไม่สวยอีกต่างหาก คือ ต้องพิถีพิถันกันสักนิด เพื่อดื่มเอสเพรสโซดีๆ สักแก้ว
แล้วปกติตัวอุปกรณ์สามารถถอดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ออกจากกันตามการใช้งาน ขณะที่การถอดออกมาล้างทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยาก แทบทุกรุ่นทุกแบรนด์จะมีแปรงทำความสะอาดติดมาด้วยทั้งนั้น
มีแนะนำกันหลายรุ่นหลายค่าย เช่น Handpresso Wild, Nanopresso Staresso,Wacaco Nanopresso,Staresso SP-200 ,Barsetto tripresso , Wacaco Minipresso และ Trimm Portable Hand Held Espresso
7.French Press ฉบับคาร์แคมป์
เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักขึ้นมาอีกสเตป เหมาะสำหรับการเดินทางแบบคาร์แคมป์ที่มีคอกาแฟตามกันไปด้วยหลายคน แน่นอนหากว่าเรามีเฉพาะอุปกรณ์แบบชงแก้วเดียว (single-serving) ติดรถไปด้วย ก็คงใช้เวลาชงกาแฟกันหลายรอบทีเดียวกว่าจะครบคน ทำให้การดื่มกาแฟหอมอร่อย ท่ามกลางอากาศที่สดชื่นยามเช้า ต้องพลอยล่าช้าออกไปด้วย
French Press ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทนทาน ตอบโจทย์ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถดึงเอกลักษณ์ของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่อีกด้วยทั้งรสชาติและกลิ่น
เริ่มต้นชงด้วยการเอาก้านกดออกจากตัว French Press แล้วใส่ผงกาแฟคั่วแบบบดหยาบลงไป เทน้ำร้อนแล้วใช้ช้อนคนช้าๆ ให้กาแฟบดจมน้ำ เพื่อดึงความหอมของกาแฟออกมา แล้วใส่ก้านกดเข้าไป แต่ยังไม่ต้องกดลงให้ติดก้น ปล่อยทิ้งไว้ 4- 5 นาที จากนั้นจึงค่อยๆ กดก้านกดลงไป ให้ผงกาแฟบดลงไปนอนอยู่ที่ก้นอุปกรณ์ แล้วรินกาแฟใส่แก้วดื่ม เท่านี้เอง..ง่ายใช่ไหมครับ
French Press แบบใช้งานกลางแจ้งหรือสำหรับเดินทางสมบุกสมบันนั้น นิยมทำจากสเตนเลสหรือไม่ก็พลาสติกแข็งต่างจากรุ่นบุกเบิกยุคแรกๆ เมื่อร้อยปีก่อนที่ทำจากแก้วใสทนความร้อน มีหลายแบรนด์หลายรุ่นด้วยกันที่ได้รับความนิยม เช่น Planetary Design French Press, Espro Travel Press,GSI Outdoors JavaPress และ Bodum Travel Press
บางรุ่นสามารถเลือกใช้กระดาษกรองใส่ในฟิลเตอร์ ช่วยขจัดคราบน้ำมันกาแฟและกรองผงกาแฟขนาดเล็กอีกด้วย
บางรุ่นก็ออกแบบให้คล้ายกระบอกเก็บน้ำร้อน พอชงเสร็จก็ยกกระบอกขึ้นดื่มกาแฟได้เลย หรือจะรินใส่แก้วก็ได้ เช่น Stanley Classic Travel Press และ KOHIPRESS
8.หม้อต้มดีไซน์มีคลาส Moka Pot
ยามอากาศหนาวๆ ในช่วงรุ่งอรุณ ออกจากเต้นท์มาสัมผัสทิวทัศน์ตระการตาของธรรมชาติอย่างไม่รีบร้อน นึกแล้วให้อยากติดเตาต้มกาแฟหอมๆ อร่อยๆ สักหม้อ ถ้าบรรยากาศแบบนี้ ขอแนะนำ “Moka Pot” หม้อต้มกาแฟแบบตั้งเตา ดีไซน์สุดคลาสสิกจากอิตาลีของ Bialetti แบรนด์กาแฟซึ่งเป็นผู้ผลิต Moka Pot เป็นเจ้าแรก และยังคงเป็นเจ้าตลาดมานานกว่า 80 ปี
เป็นหม้อต้มกาแฟที่ทำจากสเตนเลส มีหลายขนาด เหมาะสำหรับขับรถเดินทางไปแคมปิ้งกลางป่าตามอุทยานแห่งชาติ ขั้นตอนการชงก็ง่าย ไม่ซับซ้อน หลักการเบื้องต้นก็คือ ใช้แรงดันไอน้ำพุ่งผ่านผงกาแฟบด คล้ายๆ กับเครื่องชงเอสเพรสโซแบบไฟฟ้า แต่หม้อต้ม Moka pot นั้น แรงดันน้ำจะพุ่งจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน
เป็นที่รับรู้และชื่นชอบ แม้เอสเพรสโซที่ได้จะมีครีมาบางและหายไปในเวลาอันสั้น หลายคนจึงเรียกว่า กาแฟดำแบบเข้มข้นแทน
ต่อมา Bialetti ได้พัฒนารุ่น Brikka ออกทำตลาด มีการติดตั้งหัววาล์วพิเศษช่วยทำให้มีแรงดันสูงกว่ารุ่นเดิม ผลิตช้อตเอสเพรสโซที่เข้มข้น มีครีมาที่ละเอียด และคงทนกว่ารุ่นบุกเบิก
9.รสชาติกาแฟเข้มข้นในสไตล์ Percolator
หม้อต้มกาแฟแบบ Percolator มีใช้กันมานานแล้วสำหรับผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติและเดินป่า แม้ความนิยมจะดูเป็นรองหม้อต้ม Moka Pot อยู่บ้าง แต่ก็ยังมีการผลิตขึ้นมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่แสวงหาอุปกรณ์ประเภทนี้กันอยู่ ตัวหม้อนั้นทำจากสเตนเลส ส่วนอุปกรณ์ด้านใน จำพวกแกนก้านท่อ และตะแกรงฟิลเตอร์ที่ทำหน้าที่กรองผงกาแฟ ทำจากอะลูมิเนียม
การล้างทำความสะอาดก็ไม่ยุ่งยากเลย วัสดุที่ใช้ก็ทนทานไม่บุบสลายง่ายๆ
วิธีการต้มกาแฟต่างกันออกไปจาก Moka Pot โดยหลักการทำงาน Percolator นั้น ใส่น้ำลงในหม้อต้มตามขีดที่ระบุไว้ เช่น ต้องการกาแฟ 3 แก้ว ก็เติมน้ำถึงขีดเลข 3 จากนำไปตั้งบนเตาไฟหรือเตาแก๊ส เมื่อน้ำเดือดเกิดเป็นแรงดัน น้ำร้อนจะพุ่งขึ้นไปตามแกนก้านท่อ แล้วไหลผ่านกาแฟคั่วบดในตะแกรงฟิลเตอร์ลงสู่หม้อด้านล่าง หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น จึงต้องใช้ระยะเวลามาเป็นตัวควบคุมความเข้มข้นของกาแฟ ถ้าต้มนานไป กาแฟจะยิ่งเข้มข้น บนฝาปิดหม้อจะมีจุกใสๆ เพื่อให้พิจารณาสีของน้ำกาแฟว่าอ่อนหรือเข้มมากน้อยขนาดไหน
ต่างไปจากการชงแบบ Moka Pot ที่ออกแบบมาให้น้ำร้อนพุ่งผ่านกาแฟคั่วบดเพียงรอบเดียว
หม้อต้มสไตล์นี้มีการพัฒนารูปทรง สีสัน และขนาดมาอย่างต่อเนื่อง อย่างรุ่นของ Texsport นั้น สามารถรองรับคอกาแฟนักเดินทางท่องไพร่ได้ถึง 14 แก้วด้วยกัน ถือว่ามากทีเดียวเมื่อเทียบเครื่องชงกาแฟชนิดอื่นๆ มีหลายค่ายหลายแบรนด์ที่ผลิต Percolator ออกมาจำหน่าย เช่น Coleman, COLETTI, Farberware, GSI Outdoors, Eurolux และ Stanley
10.”4-in-1″ แบบ ROMAUNT
ปกติอุปกรณ์ชงกาแฟแบบพกพาไปแคมปิ้งโดยทั่วไป จะอยู่ในรูป “3-in-1” (ไม่ใช่กาแฟสำเร็จรูปนะครับ) หรือรวม 3 ขั้นตอนในการชงกาแฟคราวเดียว คือ 1. เป็นกาแฟที่ผ่านการชงหรือต้ม 2. มีตัวกรองทำจากกระดาษหรือผ้า 3. ยกขึ้นดื่มได้ทันที แต่อุปกรณ์ที่ชื่อว่า ROMAUNT นั้น เป็น “4-in-1” ด้วยเพิ่มขั้นตอนการชงกาแฟเพิ่มมาอีกหนึ่งนั่นคือ การบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งปกติจะพบได้เฉพาะในเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่เท่านั้น
ROMAUNT ติดตั้งตัวบดเมล็ดกาแฟเข้ามาในด้านบนของอุปกรณ์ เป็นแบบเฟืองบด ใช้มือหมุนในการบดเมล็ดกาแฟ เริ่มแรกก็ใส่เมล็ดกาแฟลงตรงส่วนบนอุปกรณ์ที่เป็นตัวบดแล้วปิดผา จากนั้นก็ใช้มือหมุนบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งกาแฟบดจะหล่นลงสู่ฟิลเตอร์ทรงกรวยในกระบอกสเตนเลส ยกส่วนของตัวบดด้านบนออกมา ค่อยๆเทน้ำลงไปใส่ฟิลเตอร์ น้ำร้อนจะไหลผ่านผงกาแฟแล้วหยดลงสู้ด้านล่างของกระบอก ดึงฟิลเตอร์ออกมาก็พร้อมดื่มได้ทันที
นอกจากนั้นแล้ว ตัวฝาครอบปิดอุปกรณ์ ยังถูกออกแบบมาให้เป็นแก้วดื่มกาแฟได้ด้วย ประมาณว่ามีแก้วถึง 2 ใบนั่นเอง เป็นการใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างมีประโยชน์ตรงจุดจริงๆ
อย่างไรก็ดี คงไม่เหมาะนักที่จะเก็บใส่กระเป๋าเดินย่ำไปตามป่าตามเขา เพราะด้วยน้ำหนักราว 500-600 กรัม หลังคงแอ่นแน่นอนหากต้องเดินในระยะไกลๆ แต่ถ้าเป็นคาร์แคมป์ละก็โอเคเลย จุดเด่นมากๆก็อยู่ที่มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ดื่มกาแฟที่สดและหอมมากๆ เพราะความที่บดเมล็ดกาแฟแล้วก็ชงดื่มทันทีเลยนั่นเอง
สำหรับหนาวนี้และหนาวต่อๆไป ขอให้คอกาแฟทุกท่านสนุกและสุขไปกับการเดินทางท่องเที่ยวในบ้านเมืองของเรา พร้อมรื่นรมย์ไปกับรสชาติกาแฟที่ดื่มในทุกๆ แก้ว
facebook : CoffeebyBluehill