SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา โดยไม่ต้องเสียเงินให้ Google ทำให้เราได้เจอลูกค้าจริงๆ ที่ต้องการจะซื้อของจากเรา เมื่อลูกค้าต้องการอะไร แล้วเราสามารถตอบโจทย์ได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา ก็จะทำให้กลายเป็นยอดขายขึ้นมาได้
วิเลิศ อรวรรณวงศ์ CEO บริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด กล่าวว่า คำจำกัดความของ SEO (Search Engine Optimization) ก็คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้ Google ซึ่งคนส่วนใหญ่จะตัดสินใจซื้อของจากเว็บไซต์ที่ไม่มีคำว่าโฆษณา แม้ว่าเว็บไซต์นั้นจะขึ้นมาเป็นลำดับที่อยู่หลังจากเว็บไซต์ที่มีการโฆษณา
การที่เราจะขึ้นไปอยู่หน้าแรกของ Google ได้นั้น เว็บไซต์จะต้องมีคุณภาพ และสินค้าเราจะต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้ ทำให้ Google และคนทั่วไปเลือกให้เว็บไซต์เราขึ้นไปอยู่ในหน้าแรก โอกาสที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าของเราก็จะมีมากกว่า ดังนั้น SEO เป็นสิ่งที่ต้องทำและควรทำ
เพราะคนทุกวันนี้อยากได้อะไรก็เริ่มจากการค้นหา ดังนั้น การขึ้นมาให้คนเห็นก่อนจึงถือเป็นโอกาสที่คนจะเข้าหาเราก่อน ซึ่งในการทำ SEO นั้น Keyword ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญสำหรับการค้นหา เพื่อทำให้เราได้เจอลูกค้าจริงๆ ที่ต้องการจะซื้อสินค้าเรา ซึ่งถ้าเขาอยากได้อะไร และเราตอบโจทย์เขาได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา ก็จะกลายเป็นยอดขายขึ้นมาได้
ในปี 2020 Google ซึ่งเป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เก็บพฤติกรรมของคนที่เข้าไปค้นหาข้อมูลต่างๆ แล้ว AI (Artificial Intelligence) จะไปประมวลผล และแสดงผลตามพฤติกรรมของคนที่คลิกเข้าไปดูข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะใช้ Keyword ในการค้นหาเป็นคำเดียวกันก็ตาม โดย Google จะแสดงผลได้ถึง 18 แบบที่ไม่เหมือนกัน เราก็เลือกมา 2-3 รูปแบบที่คิดว่าไม่ต้องลงทุนเยอะ แล้วก็ทำตรงนั้น เพื่อให้เราติดที่หนึ่งได้เลย
กฎใหม่ของ Google คือ 1 Keyword จะสามารถโชว์เว็บไซต์ได้ไม่เกิน 2 ลิงก์ การแสดงผลแบบนี้ในมุมของเอสเอ็มอี ตนเองมองว่าเป็นโอกาส เพราะเราไม่ต้องไปแข่งกับรายใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเป็นเว็บใหญ่ โจทย์ของ Google คือ สนองความต้องการคนที่ค้นหา เขาต้องการอะไร แล้วเราก็ทำคำตอบพวกนั้นในเว็บไซต์ของเรา ถ้าเราตอบสนองได้ Google ก็จะดึงเราขึ้นมาอยู่หน้าแรกเลย
“การทำ SEO ง่ายๆ คือ ต้องเริ่มจากคิด Keyword ก่อน ยิ่งเราทำ Keyword ที่ยาวก็จะง่ายกว่า ให้คิดง่ายๆ ว่า การทำ SEO ก็คือหลักการตลาดอย่างหนึ่ง เราต้องคิดว่าถ้าเราเป็นลูกค้า เขาจะมาเจอเราได้ด้วยคำว่าอะไร เสิร์ชว่าอะไร โดยคิดว่า 1. สินค้าเราคืออะไร เราก็คิดเอาไว้ เขียนเอาไว้ 2. คุณสมบัติ หรือประโยชน์ได้จากจากผลิตภัณฑ์ของเราคืออะไรบ้าง เราก็ทำคำพวกนี้เอาไว้ 3.ถ้าเราเป็นลูกค้า เราจะค้นคำว่าอะไรเพื่อที่จะซื้อสินค้า เพราะฉะนั้น จะต้องให้มีคำพวกนี้ มีข้อความพวกนี้อยู่ในเว็บไซต์ของเรา อยู่ในหน้าของเราที่คิดว่าถ้าลูกค้าค้นมาแล้วเจอ เข้ามาแล้วได้ประโยชน์ นั่นคือสิ่งที่ SEO ทำ”
วิเลิศ กล่าวว่า ถึงแม้จะทำ SEO แล้ว ก็อย่าคิดว่าเราไม่ต้องซื้อโฆษณา เพราะเมื่อที่เราเสิร์ชหาข้อมูลใน Google นั้น Google จะเอาโฆษณาขึ้นมาแสดงก่อน 4-5 อัน ดังนั้น ให้เราซื้อโฆษณาไว้บ้าง ซื้อเล็กน้อย แล้วก็ผสมกันกับการทำ SEO ของเรา ก็จะเป็นการช่วยกันไปในทางเดียวกัน แล้วเราก็จะติดหน้าแรกขึ้นมาได้
นอกจากนี้ Google มีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ลอนช์ออกมาในประเทศไทยได้สักพักแล้ว เรียกว่าเป็นฟีเจอร์แมป คือการค้นหาสถานที่ใกล้ตัวเรา สมมติเราทำร้านกาแฟอยู่แถวอโศก สิ่งที่ต้องทำก็คือให้ไปลงทะเบียนใน Google My Business เวลาที่มีคนเสิร์ชข้อความ เช่น ร้านกาแฟดริปอยู่แถวอโศก ถ้าเรามีข้อความนี้อยู่บน Google My Business เขาก็จะเอาร้านเราขึ้นมาเป็นแมปให้คนที่เสิร์ชเลย โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ และอาจให้ลิงก์ไปที่เฟซบุ๊กของร้านเราได้เลย
ในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เป็นช่วงที่ทุกคนอยู่บ้าน อัตราการใช้หรือค้นหาบนอินเตอร์เน็ตสูงขึ้นมหาศาล ในบางอินดัสตรีเติบโตขึ้น 100-200% อันดับหนึ่งของการค้นหาคือร้านอาหาร เพื่อสั่งอาหาร สองคือเรื่องการซื้อของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีตัวเลขเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า 60-70% ของคนที่เสิร์ชในช่วงโควิด-19 หรือซื้อของอีคอมเมิร์ซในช่วงโควิด-19 เป็นคนหน้าใหม่ที่ไม่เคยเสิร์ช หรือไม่เคยซื้อของอีคอมเมิร์ซมาก่อนเลย
ส่วนการค้นหาโรงแรม ที่พัก ก็ดรอปลง เนื่องจากคนไม่เดินทาง โควิด-19จึงเป็นเหมือนหัวเชื้อที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปมากๆ เลย และเริ่มเปลี่ยนในหลายๆ มุม ไม่ใช่เฉพาะพฤติกรรมของคนเท่านั้น แต่เปลี่ยนในเรื่องของการทำธุรกิจด้วย
