ผู้ว่า ททท. ตั้งเป้าปี 2564 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาครึ่งปีหลัง ไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน กลยุทธ์ทางรอด
การท่องเที่ยวไทยคือกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ กระตุ้นการพักค้าง เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป ควบคู่การเปิดตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สรุปภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2563 มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ก่อนจะเกิดการล็อกดาวน์ในประเทศต่างๆ และหยุดการบิน เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 3 แสนล้านบาท รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 95 ล้านคนครั้ง รายได้ 5 แสนล้านบาท รายได้ภาพรวมอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท ลดลงจาก 3 ล้านล้านบาท ในปี 2562
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับไทยประเทศเดียว แต่เกิดขึ้นกับทุกประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยว ทั้งญี่ปุ่น สเปน อิตาลี องค์กรการท่องเที่ยวโลกบอกว่าท่องเที่ยวปี 2563 น่าจะลดไม่น้อยกว่า 70% ทุกประเทศเหมือนกันหมด
สำหรับการท่องเที่ยวในปี 2564 ต้องดูทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล และปีนี้น่าจะเป็นการปรับตัว หลังจากเราน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เศรษฐกิจเริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น แต่ก็เหมือนคนเพิ่งฟื้นไข้ คงไม่สามารถลุกขึ้นวิ่งได้ทันที
เราตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะกลับมาครึ่งปีหลัง เพราะต้องรอดูสถานการณ์หลายๆ อย่าง ทั้งมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ วัคซีน ความรู้สึกพี่น้องคนไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และถ้าต่างประเทศยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศต้นทางก็คงไม่อยากให้ประชาชนเดินทางมา
ปี 2564 เราคิดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้าประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน รายได้ 5 แสนล้านบาท ดังนั้น คนไทยยังคงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้ตั้งเป้าคนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มเป็น 120 ล้านคนครั้ง รายได้ตลาดในประเทศ 7 แสนล้านบาท สรุปปี 2564 รายได้จะเพิ่มเป็น 1.2 ล้านล้านบาท
การวางกลยุทธ์การท่องเที่ยวในปี 2564 ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เราอาจตั้งเป้าให้คนไทยเที่ยว 3-4 ครั้งต่อปี และกระจายให้มากขึ้น สอง ยังมีคนบางกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่จะมาช่วยได้ คือกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ตัวเลขประมาณ 12-13 ล้านคนครั้ง ใช้จ่ายในต่างประเทศเกือบ 4 แสนล้านบาท ถ้าให้คนเหล่านี้เดินทางเที่ยวในประเทศในช่วงเวลาที่จำเป็น ช่วงเวลาที่ต้องปรับตัว คิดว่าจะเป็นกำลังสำคัญ
นอกจากนี้ เราก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มเอ็กซ์แพท (Expat) หรือ คนต่างประเทศที่ทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทย กลุ่มแอลจีบีทีที่มีกำลังซื้อสูงในประเทศ เกือบ 7 ล้านคน กลุ่มประชุมสัมมนาทั้งเอกชนและภาครัฐ ถ้าเรากระตุ้นให้กลุ่มเหล่านี้เดินทางได้เกือบทุกเดือน ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี
ช่วงโควิด-19 ททท. ประเมินอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดที่ธุรกิจโรงแรมอยู่ได้ จะอยู่ที่ 28% ดังนั้นเป้าหมายสำคัญคือให้ทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด มีอัตราการเข้าพักเกินกว่าจุดวิกฤติ สิ่งนี้ถือเป็นเป้าหมายแรก สองคือการเพิ่มความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหล่อเลี้ยง พยุงการจ้างงาน เมื่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาไม่ได้ ก็ต้องทำให้มีกำลังซื้อ มีการเดินทางในประเทศมากขึ้น มีการใช้จ่ายกระจายลงไปในพื้นที่เพื่อเป็นเศรษฐกิจของฐานรากต่อไป กระตุ้นการพักค้าง การเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปให้มากขึ้น
สำหรับมาตรการช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวในปี 2564 ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและส่วนที่เกี่ยวเนื่องมาโดยตลอด ทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พยุงการจ้างงาน การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนมาตรการด้านตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยว คงเป็นระบบร่วมกันจ่าย เหมือนโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อให้คนไทยได้เที่ยวต่อ แต่ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น คนไทยก็ต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นและกลับมามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ได้
ส่วนการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการเราเที่ยวด้วยกันนั้น คนที่ทำผิดไม่มีวันลอยนวล นายกรัฐมนตรีได้กำชับสั่งการให้ดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งทางแพ่งและอาญา ระบบต่างๆ เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ทิ้งร่องรอยไว้หมด สามารถตามหาได้ และน่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้
@