ผลการประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก โดย S&P Dow Jones Indices และ RobecoSAM ประจำปี 2021 ปรากฏว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของ ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI อุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2017-2021) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 (2018-2021) และยังเป็น ผู้นำอุตสาหกรรม (Industry Leader) ดังกล่าวอีกด้วย ถือเป็นสิ่งที่การันตีถึงการบริหารธุรกิจให้เติบโต ไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าแห่งความยั่งยืนในทุกมิติตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา
ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1999 เป็นตัวชี้วัดที่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกให้การยอมรับ และใช้เป็นข้อมูลในการลงทุน เพื่อเลือกลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ กลั่นกรองมาจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่โปร่งใสมีประสิทธิภาพผ่านแบบประเมินด้านความยั่งยืน Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดยครอบคลุมใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) มีบริษัทชั้นนำเข้ารับการประเมินกว่า 8,000 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 90 ของมูลค่าตลาดทุนโลก
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 33 ปี ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวก และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชุมชน สังคม แต่ละย่างก้าวของความสำเร็จ
บริษัทฯ ไม่เพียงคำนึงถึงการพัฒนาธุรกิจสู่ความเป็นเลิศ แต่การพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร ตามค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ได้ยึดมั่นเสมอมา ซึ่งการยังคงได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI อย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นความภาคภูมิใจอันมาจากความร่วมมือร่วมใจ และเป็นภารกิจที่ทุกคนในองค์กรจะต้องรักษาเจตนารมย์อันดีนี้ไว้
“ด้วยปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน เราได้ส่งมอบโอกาสสู่สังคมไม่ว่าจะเป็น SME เกษตรกร กลุ่มเปราะบาง ภายใต้แนวคิดกองหนุนความรู้ กองหนุนความร่วมมือ และกองหนุนช่องทางขาย
ขณะเดียวกันได้ให้อนาคตทางการศึกษาแก่เยาวชน และผู้ด้อยโอกาสผ่านโครงการสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED และทุนการศึกษาปัญญาภิวัฒน์ เพื่อเป็นการวางรากฐานให้พึ่งพาตนเองได้ ด้านสิ่งแวดล้อมเราดำเนินกลยุทธ์ 7 Go Green ซึ่งไม่เพียงแต่ภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมทั้งกับคู่ค้า ลูกค้า และชุมชน เพื่อการลดการใช้พลาสติกอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
สำหรับด้านธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ เรามีการส่งเสริมธรรมาภิบาลตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งการสร้างแรงบันดาลใจในหมู่พนักงาน และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าคนของเรามีความซื่อสัตย์ ทุกกระบวนการโปร่งใสตรวจสอบได้ และตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เราไม่เคยรีรอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือดร้อนในหมู่ผู้ได้รับผลกระทบ
อีกทั้งสนับสนุนภารกิจที่เกี่ยวข้อง เพราะซีพี ออลล์ เป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่สังคมไทยในทุกวิกฤต ซึ่งผลพวงจากปัจจัยนี้ได้นำมาซึ่งชีวิตปกติวิถีใหม่ (New Normal) เราก็พร้อมปรับปรุงพัฒนาสินค้า และบริการเพื่อตอบสนองคนไทยให้ได้รับความสะดวก แต่สร้างความยั่งยืนสู่สังคมต่อไป” นายธานินทร์ กล่าวเสริม
สำหรับผลการประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปีนี้ ซีพี ออลล์ มีคะแนนรวมเพิ่มขึ้นจาก 82 คะแนน เป็น 86 คะแนน ด้านสิ่งแวดล้อม หัวข้อ Packaging เพิ่มจาก 77 เป็น 99 คะแนน GMO จาก 70 เป็น 100 คะแนน
Sustainable Agricultural Practice จาก 52 เป็น 78 คะแนน ขณะที่ Environmental reporting และ Water Related Risks ยังรักษาคะแนนเต็ม 100 ไว้ได้เช่นเดิม
ด้านสังคม หัวข้อ Labor Practice Indicators เพิ่มจาก 77 เป็น 89 คะแนน Talent Attraction & Retention จาก 55 เป็น 67 คะแนน ขณะที่ Social Reporting ,Human right และ Corporate Citizenship & Philanthropy ยังรักษาคะแนนเต็ม 100 ไว้ได้เช่นเดิม และด้านธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ หัวข้อ Privacy protection เพิ่มจาก 80 เป็น 100 คะแนน ขณะที่ Materiality, Customer Relationship และ Policy influence ยังรักษาคะแนนเต็ม 100 ไว้ได้เช่นเดิม