สัมภาษณ์: คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไปงาน “มหกรรมยานยนต์”
โดย ดร.นงค์นาถ ห่านวิไล
ดร.นงค์นาถ : Motor Expo ปีนี้ แตกต่างจากปีที่ผ่านมา อย่างไร
คุณชลัทชัย: ปีนี้ค่อนข้างโชคดีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มจะควบคุมได้ ได้รับอนุญาตให้มีการจัดงานได้ งานปีนี้เราจึงใช้คอนเซปต์ “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์” หรือ “TIME to ENJOY!” คำว่า “TIME” ย่อมาจาก THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO ด้วย เราคิดว่าเป็นช่วงปลายปีและค่ายรถยนต์ต่างๆ มีการเปิดตัว มีแคมเปญต่างๆ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสันต์ของคนที่ชื่นชอบยานยนต์
นอกจากคอนเซปต์แล้ว สิ่งที่แตกต่างจากปีที่แล้วคือ ปีนี้มีรถที่มาเข้าร่วม 32 ยี่ห้อด้วยกัน และรถจักรยานยนต์ 12 ยี่ห้อ และยังมีเรือ มาออกบูธด้วย เพราะเราคิดว่า Motor จะไม่ได้จำกัดแค่สิ่งที่มีล้อแล้ว อาจจะเป็นยานพาหนะอื่นๆ ที่ใช้ Motor หรือเครื่องยนต์เหมือนกัน นอกจากนั้น พื้นที่ภายในงานยังมีอุปกรณ์ตกแต่ง เครื่องเสียงและมอเตอร์สปอร์ต และอีกไฮไลท์ของงาน คือ โซนรถโบราณ ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน
ดร.นงค์นาถ : ปีนี้ จัดงานแบบ New Normal ใช่ไหม
คุณชลัทชัย: ปีนี้เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องทำคือ ผู้ชมงานต้องแสดงหลักฐานการรับวัคซีน 2 เข็ม พร้อมกับบัตรประชาชน ก็สามารถเข้างานได้แล้ว และก็มีมาตรการของผู้ร่วมงานที่มาออกบูธจัดแสดงอยู่ภายในงาน เนื่องจากว่าผู้ร่วมงานต้องอยู่ที่งานหลายวัน เพราะฉะนั้น มาตรการต่างๆ เราก็ยกให้เข้มข้นขึ้น นอกจากวัคซีน 2 เข็มแล้วผู้ร่วมงานก็ยังต้องตรวจ ATK ทุก 7 วัน เพื่อทำให้ผู้ชมงาน ที่เข้ามาชมงานมั่นใจได้ว่าปีนี้ มีความปลอดภัยจากโควิด และมีมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้น
ดร.นงค์นาถ : ท่านใดที่ไม่ได้วัคซีน 2 เข็ม และยังไม่ได้ตรวจ RT-PCR ต้องไปตรวจ ATK ที่หน้างานด้วยใช่ไหม
คุณชลัทชัย: ใช่ เรามีจัดจุดบริการตรวจ ATK ให้ โดยที่เราได้รับการสนับสนุน และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากโรงพยาบาลบางปะกอก 9 โดยจัดไว้พื้นที่บริเวณล็อบบี้ ชาเลนเจอร์ 2 ค่าตรวจราคาเพียงแค่ 99 บาท
ดร.นงค์นาถ: จัดงานมาครบ 10 วัน เป็นอย่างไรบ้าง ผู้เข้าชมงานมากน้อยแค่ไหน ยอดจองรถเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่
คุณชลัทชัย: ตัวเลขผู้เข้าชมงาน เหนือความคาดหมายของเราพอสมควร ตอนแรกเราคาดการณ์ว่าในสถานการณ์แบบนี้ผู้เข้าชมงานอาจจะลดลง 20-30% แต่ปรากฏตัวเลขลดลง 4-5% เท่านั้นเอง คิดว่าจนจบงานตัวเลขก็น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนของการจองตัวเลขถึงเมื่อวานน่าจะอยู่ที่ 18,000 กว่าคัน เหลืออีก 3 วันซึ่งเป็นวันหยุด ปกติตัวเลขการจองในวันหยุดตัวเลขมักจะสูงกว่าวันทั่วๆ ไป ตั้งเป้าไว้ว่าจนจบงานน่าจะประมาณ 30,000 คัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะได้ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้
ดร.นงค์นาถ: ยอดผู้ชมงานครั้งนี้ เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายด้วยซ้ำ คิดว่ามาจากปัจจัยอะไรบ้าง
คุณชลัทชัย: เราวิเคราะห์ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ประชาชนอาจจะถูกบังคับให้อยู่ที่บ้าน work from home มีการจำกัดต่างๆ ตอนนี้ทางรัฐบาลก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เป็นไปได้ว่า ประชาชน ที่มาชมงานในปีนี้ อาจจะรู้สึกว่าได้ปลดปล่อย เกือบจะใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ
ดร.นงค์นาถ: ทุกคนที่อยู่ภายในงาน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาใช่ไหม
คุณชลัทชัย: ใช่ นอกเหนือจาการตรวจวัคซีนแล้ว มาตรการที่เราขอให้ผู้ร่วมงาน และผู้ชมงานปฏิบัติ อย่างเช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเรามีการควบคุมเรื่องของปริมาณคนไม่ให้หนาแน่นเกินไป มีการเว้นระยะห่างต่างๆ รวมถึงจุดเจลแอลกอฮอล์ต่างๆ ก็มีจัดเตรียมไว้ให้ในบริเวณรอบงานอย่างทั่วถึง ที่เพิ่มเติมโต๊ะเจรจาธุรกิจต่างๆ ในการซื้อ-จองรถก็มีตัว partition ฉากกั้นเอาไว้ระหว่างการคุยกัน และเว้นระยะด้วย
ดร.นงค์นาถ: ตามบูธต่างๆ การจัดโชว์รถยนต์ ก็จอดห่างๆกันด้วย เพื่อไม่ให้คนชมรถใกล้ชิดกันเกินไป ก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งใช่ไหม
คุณชลัทชัย: ใช่ มาตรการ การควบคุมความหนาแน่นของผู้ชมงาน แต่ละบริษัทก็จำกัดให้ 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน อาจจะทำให้ต้องจัดวางรถห่างกันหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับคนเข้าชมไม่ได้เบียดกันจนเกินไป
ดร.นงค์นาถ: ปีนี้เห็นมีพนักงานคอยเช็ดรถอยู่ตลอดเลย
คุณชลัทชัย: ปีนี้เราก็ขอความร่วมมือแต่ละค่ายรถที่นำรถหรือสินค้ามาจัดแสดง ทำความสะอาดจุดสัมผัสบ่อยขึ้นกว่าทุกๆ ปี เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนที่เข้าไปในรถแล้วหลังจากนั้นก็จะมีคนมาทำความสะอาด
ดร.นงค์นาถ: มีโปรโมชั่นอะไรบ้างที่จะช่วยผลักดันยอดขายรถโค้งสุดท้าย ในงานนี้
คุณชลัทชัย: ในงานมีเยอะมาก ที่บอกว่ามีทั้งหมด 32 ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็มีโปรโมชั่นกันเต็มที่ เพราะมีการเปิดตัวรถใหม่ และบางค่ายมีเปิดตัวรถต้นแบบด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดแต่ยังไม่ผลิต มีเป็นการรับจองล่วงหน้า เพราะฉะนั้นแคมเปญต่างๆ ในงานปีนี้ร้อนแรงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ทางผู้จัดเองก็ยังมีโปรโมชั่นดึงดูดคนมาร่วมงาน โดยคนที่มาซื้อหรือจองรถภายในงาน สามารถร่วมแคมเปญที่เราเรียกว่า “ซื้อรถชิง Hyundai IONIQ” ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า 100% มูลค่าของรถคันนี้ 1,700,000 กว่าบาท นอกจากที่จะมาซื้อรถแล้วยังมีโอกาสลุ้นรับรถคันนี้กลับไปด้วยนี่เป็นแคมเปญสำหรับคนที่มาจองรถในงาน ส่วนคนที่มาจองรถมอเตอร์ไซค์ภายในงานก็ยังมีสิทธิชิง “Suzuki Kantana” คันละ 500,000 กว่าบาท
ส่วนผู้ชมงาน ที่ซื้อบัตรเข้าชมงาน 100 บาท เราเรียกว่า “ซื้อบัตรชิง MG 5” มูลค่า 500,000 กว่าบาท เช่นเดียวกัน โดยปีนี้เราจะปรับระบบการชิงโชคคือ เราจะแจกเป็นคูปอง แล้วให้เขาสแกน QR Code ลงทะเบียนในโทรศัพท์มือถือ เพียงแค่นี้ก็จะมีสิทธิลุ้นรับรถได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับคนที่มาเดินชมงาน ซื้อสินค้าภายในงานก็มีสิทธิชิงรางวัลได้อีก ทุก 2,000 บาท ก็เอาใบเสร็จมาร่วมแคมเปญที่เป็นจุดลงทะเบียนของเราก็สามารถชิง “Mitsubishi Mirage” มูลค่าประมาณ 400,000-500,000 บาท และมีของรางวัลมากมาย สำหรับแคมเปญนี้ เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมงาน การซื้อรถ มอเตอร์ไซค์ การซื้อสินค้าทุกๆ อย่าง มีโปรโมชั่นจากผู้จัดงานให้ลุ้นกัน
ขอเสริมอีกเรื่อง เรื่องออนไลน์แพลตฟอร์ม เราพัฒนาระบบออนไลน์ควบคู่กับการจัดออนกราวด์ ใครที่ชมงานของเราผ่านระบบออนไลน์ก็สามารถลงทะเบียนร่วมแคมเปญ “ชมงานออนไลน์ชิงรางวัล” กับเราจะเป็นหูฟัง ระบบนี้เป็นระบบที่เราเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่โควิดเริ่มเข้ามาใหม่ๆ เราคิดว่าผู้ชมงานบางท่านอาจจะอยากดูข้อมูลก่อนที่จะมาชมงานด้วยตัวเอง เข้าไปที่เวบไซต์ https://www.motorexpo.co.th/ แล้วเข้าไปที่ Motor Expo Online Platform ก็จะเป็นวิดีโอสั้นๆ ที่รีวิวรถภายในงานเกือบจะทุกรุ่นทุกคัน และก็มีตัวช่วยค้นหารถที่สามารถตั้งงบประมาณ ราคาเท่าไหร่ มีรถอะไรบ้าง นี่เป็นตัวช่วยที่จะหารถสักคัน โดยที่ยังไม่ต้องมาดูที่งานก็สามารถดูออนไลน์ที่บ้านได้ก่อนเลย เพราะฉะนั้นได้ข้อมูลแล้วว่ามีรถคันไหนบ้าง ตอนที่เขามาในงานก็จะใช้เวลาสั้นที่สุดในการไปถึงสิ่งที่เขากำลังสนใจอยู่
ดร.นงค์นาถ: พฤติกรรมการเลือกรถหรือการซื้อรถของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง รถยนต์ไฟฟ้า กำลังมาแรง ใช่ไหม
คุณชลัทชัย: แนวโน้มใหม่ ของผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ อาจกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าไหม หรือ พร้อมหรือยัง สำหรับการใช้รถไฟฟ้า ขณะที่บริษัทรถยนต์ เห็นชัดเจนในแต่ละแบรนด์ อย่างน้อย ต้องมีรถไฮบริด รถไฟฟ้า มาโชว์ในงาน 1 รุ่น ถ้ายังไม่มีรถไฟฟ้าล้วนๆ ก็อาจจะเป็นรถ Hybrid ที่ใช้ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์-น้ำมันกับเครื่องยนต์-ไฟฟ้าไปก่อน บางค่ายก็แนะนำรถ Plug-In Hybrid ก็เหมือนรถ Hybrid แต่มีการเสียบปลั๊กชาร์จที่บ้านเข้ามาเพิ่มทำให้การใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และบางค่ายก็แนะนำรถไฟฟ้าล้วนๆ เป็น EV100% ในงานปีนี้มีหลากหลายที่ทำให้ผู้ชมงานเห็นแนวโน้มการพัฒนาด้านเทคโนโลยียานยนต์
ดร.นงค์นาถ: ช่วยสรุปไฮไลท์ห้ามพลาด ช่วงโค้งสุดท้าย
คุณชลัทชัย: ไฮไลท์ในงานมีเยอะมาก เล่าอาจจะไม่หมดอยากจะให้มาชมงานกัน งานมีถึงวันที่12 ธันวาคม 2564 สำหรับท่านที่อยากจะลงทะเบียนผ่านระบบ Exclusive visitor ปีนี้เรามีเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้ผู้ชมงานแบบ VIP เลยโดยที่ท่านสามารถลงทะเบียนในระบบ Exclusive visitor ในเวบไซต์ของเราก็ได้ ค่าบริการเพียง 500 บาทแล้วท่านจะมีเรื่องของการสำรองที่จอดรถไว้ให้ แล้วเราก็จะมีบัตร Ultimate VIP ให้ 2 ใบ สามารถเข้างานได้ทุกวันโดยที่เราจะมีการบริการเลานจ์บริเวณหน้าอาคารชาเลนเจอร์ สามารถนั่งพักผ่อนหรือนั่งรอพนักงานขายมาติดต่อท่าน ให้ท่านคุยกับพนักงานขายได้สะดวกขึ้นไม่ต้องไปเบียดกัน และมีบัตร Starbucks ให้ด้วย
สรุปว่า งานใหญ่ๆ แบบนี้ มีปีละครั้ง และมีรถยนต์ทั้งหมด 32 ยี่ห้อมารวมในที่เดียวกัน มีรถใหม่หลากหลายเลย มอเตอร์ไซค์ 12 ยี่ห้อ และยังมีเรือด้วย มีรถโบราณ รวมถึงกิจกรรมเยอะแยะภายในงาน ไว้รองรับ ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ มีครบ
ทุกคนในครอบครัวสามารถมาเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจ และเพิ่มเติมเรื่องมาตรการโควิดของเราปีนี้ ขอให้แสดงหลักฐานว่าได้รับวัคซีน 2 เข็มก่อนเข้าชมงานของเราปีนี้เท่านี้ ท่านก็สามารถเข้าชมงานได้อย่างสะดวกสบาย ส่วนเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ ก็สามารถมาตรวจ ATK หน้างาน เพียงแค่ 99 บาทเท่านั้น
