ในวงการฮอลลีวู้ดทั้ง “แบรด พิตต์” และ “จอร์จ คลูนีย์” สองดาราหนุ่มใหญ่ระดับซูเปอร์สตาร์ ต่างก็เคยแสดงภาพยนตร์ร่วมกันหลายเรื่อง นอกวงการมายาคนทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนซี้กันมาอย่างยาวนาน ก่อนหน้านี้ จอร์จ คลูนีย์ ร่วมทำงานเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับค่ายกาแฟเนสเพรสโซ มาบัดนี้ แบรด พิตต์ ก็เดินตามรอยมาติดๆ ด้วยการรับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับภาพยนตร์โฆษณาของแบรนด์ดีลองกี้ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์เช่นกัน
ผู้เขียนเป็นคนที่ดื่มกาแฟได้ทุกสไตล์ ทันทีที่เห็นนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดอย่าง “แบรด พิตต์” ปรากฎกายในสปอตโฆษณาเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติของแบรนด์ดังอิตาลี “ดีลองกี้” (De’Longhi) ก็ให้รู้สึกตื่นเต้นไปกับสคริปท์และดนตรีประกอบที่ฟังแล้วรื่นรมย์สุดๆ ของงานโฆษณาชุดนี้ ชวนให้นึกอยากลิ้มรส “คาปูชิโน” ตามอย่างการดื่มด่ำของดาราหนุ่มหล่อมาดเซอร์คนนี้ดูบ้าง
เห็นแล้วก็อดที่จะนำไปเปรียบเทียบกับสป๊อตโฆษณากาแฟของค่าย “เนสเพรสโซ” (Nespresso)แห่งสวิส ที่มีเพื่อนซี้ของแบรด พิตต์ อย่าง “จอร์จ คลูนีย์” พระเอกและผู้กำกับชื่อดังในแวดวงฮอลลีวู้ดอีกราย รับเป็นพรีเซนเตอร์ให้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 โน่นแน่ะ
เชื่อว่าคงมีคอกาแฟทั่วโลกจำนวนไม่น้อย ชื่นชอบภาพยนตร์โฆษณากาแฟที่มีแบรดพิตต์ รับงานแสดงเป็นพรีเซนเตอร์ให้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างจาก “เจมส์ ฮอฟฟ์แมนน์” ยูทูบเบอร์กาแฟชื่อดังชาวอังกฤษ และผู้เขียนหนังสือประจำร้านกาแฟอย่าง “The World Atlas of Coffee” ที่ตั้งคำถามต่างๆนานาตามสไตล์คนฝีปากจัด ถึงสคริปท์บทโฆษณาที่นำเสนอผ่านทางกาแฟกับชีวิตไลฟ์สไตล์ของแบรด พิตต์ ว่า เป็นโฆษณาเชิงพาณิชย์ที่มี“ความแปลกอยู่มากๆ” …ลองหาฟังหาชมกันได้ในช่องยูทูบของเจมส์นั่นแหละครับ
พร้อมกันนั้น ก็มีคอมเมนต์จากเว็บไซต์ข่าวธุรกิจข้ามชาติหลายราย มาในท่วงทำนองว่า โฆษณากาแฟของแบรด พิตต์ จะไปได้ “สวยหรู” เหมือนโฆษณากาแฟของพระเอกเพื่อนรักหรือไม่
อย่างไรก็ดี ในแวดวงการตลาดระหว่างประเทศแล้ว มองปรากฎการณ์ล่าสุดของแคมเปญโฆษณากาแฟระดับโลกที่ค่ายดีลองกี้ จับเอาแบรด พิตต์ ผู้นิยมดื่มคาปูชิโนในทุกๆ เช้า มาชนกับจอร์จ คลูนีย์ ผู้ชื่นชอบในเอสเพรสโซแคปซูล ของแบรนด์เนสเพรสโซ ว่านี่ คือ “สงครามกาแฟ” ระลอกใหม่ ระหว่างสองค่ายยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีอัตราเติบโตสูงระดับตัวเลขสองหลัก นับจากเกิดวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้นมา
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง “ดีลองกี้” หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องครัวรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟแบบอัตโนมัติ ได้เปิดตัวสปอตโฆษณาใหม่ล่าสุด ตั้งเป้าโปรโมทเครื่องชงกาแฟรุ่น “Dinamica Plus” โดยมีแบรด พิตต์ พระเอกมาดเซอร์วัย 57 ปี เป็นพรีเซนเตอร์ให้ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของเครื่องชงกาแฟดีลองกี้
ในโฆษณาแคมเปญนี้เล่าถึง “วันหนึ่งในชีวิตของแบรด พิตต์” ที่คนเขียนสคริปท์พยายามดึงเอาเสน่ห์ ,ไลฟ์สไตล์ และตัวตนของซูเปอร์สตาร์รายนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด นำเสนอผ่านเรื่องราวในชีวิตประจำวันของแบรด พิตต์ ที่จะนำพาคุณเข้าสู่การเดินทางตั้งแต่ไปซื้อเมล็ดกาแฟคั่ว จนนำมาชงดื่ม ในแบบที่ดีลองกี้ ใช้คำเรียกในภาษาอิตาเลี่ยนว่า “perfetto” แปลเป็นไทยก็ประมาณ ว่า สมบูรณ์แบบ!
เริ่มตั้งแต่ดาราหนุ่มใหญ่ผมทองขับมอเตอร์ไซค์คันงามออกจากบ้านตอนเเช้าในลุคที่ดูสบายๆตามคาแรคเตอร์ แวะร้านกาแฟในเมืองเพื่อซื้อเมล็ดกาแฟคั่ว ขับมอเตอร์ไซค์ไปตามถนนไฮเวย์ริมทะลของลอสแองเจลิสที่มีวิวสวยเอาเรื่องทีเดียว จากนั้นนำรถมอเตอร์ไซค์ไปตรวจเช็คสภาพ แถมนั่งคอยอย่างสบายอารมณ์ ต่อด้วยหยุดเติมน้ำมันเองที่ปั๊ม แล้วก็ขับรถกลับบ้าน เทเมล็ดกาแฟใส่เครื่องชง กดปุ่มเลือกเมนูคาปูชิโน ว่าแล้วแบรด พิตต์ ก็ยกแก้วกาแฟผสมนมขึ้นจิบอย่างดื่มด่ำด้วยความพึงใจ จากนั้นก็มีเสียง “perfetto” ปิดท้ายสปอตโฆษณา รวมแล้วใช้เวลา 60 วินาทีพอดี ถือว่าไม่สั้นไม่ยาวเกินไป
แล้วแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ล่าสุดของวงการรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการดื่มกาแฟ แบรด พิตต์ ให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์นิตสารเอสไควร์ ตอนหนึ่งว่า “ผมเป็นนักดื่มกาแฟที่มีความเป็นมืออาชีพและเอาจริงเอาจัง โดยปกติ ผมมักดื่มคาปูชิโน 3 แก้ว ในทุกๆ เช้า แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับงานที่ทำในช่วงบ่ายด้วย ซึ่งผมอาจจะหันไปดื่มเอสเพรสโซแทน”
เนื่องจากเป็นภาพยนตร์โฆษณาระดับโลกชิ้นแรกของบริษัทที่ต้องการเผยแพร่ไปทั่วโลก ไหนๆจะทำกันทั้งทีแล้ว ต้องทำให้ใหญ่อลังการ ดีลองกี้จึงว่าจ้าง “เอ็มแอนด์ซี ซาทชิ” (M&C Saatchi) บริษัทผลิตโฆษณาชั้นนำจากอังกฤษ ให้ดูแลการผลิต มี “เดเมียน ซาเชลล์” ผู้กำกับหนุ่มมือทองระดับรางวัลออสการ์จากหนังเพลงแนวโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง La La Land หรือในชื่อไทยว่า นครดารา มาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ ส่วนดนตรีประกอบเป็นผลงานของ “จัสติน เฮอร์วิตซ์” นักแต่งเพลงคุณภาพที่ได้รับรางวัลแกรมมี่ ส่วนการกำกับภาพเป็นหน้าที่ของ “ไลนัส แซนด์เกรน” แถวหน้าอีกคนของวงการ
การเลือกแบรด พิตต์ ให้มาเป็นพรีเซนเตอร์แคมเปญโฆษณาระดับนานาชาติครั้งแรกของบริษัทนั้น ผู้บริหารค่ายดีลองกี้บอกว่า เรื่องนี้มีความหมายมากกว่าการทำงานกับ “ไอคอนสตาร์” ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
เหตุผลสำคัญก็คือ พิตต์เป็นนักแสดงและโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียง เป็นผู้สนับสนุนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เป็นนักสะสมงานศิลปะ และเป็นผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ประกอบกับได้ระดับ “ยอดฝีมือ” มาทำงานด้านการผลิตภาพยนตร์โฆษณา ยิ่งช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทที่วางสถานภาพเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมเครื่องชงกาแฟ
ส่วนตัวเครื่องชงกาแฟรุ่น “Dinamica Plus” นั้น เป็นหนึ่งในเครื่องชงกาแฟระดับไฮเอนด์ที่มีการทำตลาดแบบโฟกัสไปตามครัวเรือนและออฟฟิศ เพื่อให้คอกาแฟเลือกใช้เป็นอุปกรณ์ประจำตัว ออกแบบมาให้ชงได้ทั้งเอสเพรสโซ, เมนูผสมนมอย่างคาปูชิโน ลาเต้ และแฟล็ตไวท์ รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น นมร้อน มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากอะไรมากนัก แล้วก็เหมือนเครื่องชงอีกหลายๆรุ่นที่ติดตั้งตัวบดเมล็ดกาแฟมากับเครื่องด้วย ทำให้สามารถบดเมล็ดกาแฟแล้วนำมาชงได้ทันที ผู้ดื่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นรสที่หอมและสดใหม่ของเครื่องดื่มกาแฟ อันเป็นไปตามสโลแกนของดีลองกี้ที่ว่า “Perfetto,from bean to cup”
ในการประกาศผลประกอบการงวดครึ่งแรกของปีนี้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดีลองกี้ ระบุว่า ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ชงกาแฟของบริษัท โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ มีอัตราการขยายตัวที่โดดเด่นเหนือกว่าทุกๆเซกเมนต์ ช่วยทำให้รายได้โดยรวมของบริษัท พุ่งขึ้นถึง 59.7% เป็น1,698.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 นี้ โดยเฉพาะในไตรมาสแรก รายได้โดยรวมมีอัตราเติบโตมากกว่า 70% เลยทีเดียว จากยอดขายเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ตามเทรนด์การบริโภคกาแฟจากบ้านและสำนักงานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
…อาจเป็นเพราะมองเห็นลู่ทางการเติบโตในระยะยาว ก่อนหน้านั้นในเดือนพฤษภาคม ดีลองกี้ได้ทุ่มเงิน 164 ล้านดอลลาร์เข้าซื้อกิจการบริษัท “อีเวอร์ซีส์” (Eversys) ผู้ผลิตเครื่องชงเอสเพรสโซแบบอัตโนมัติจากสวิส ผ่านทางการซื้อหุ้นเพิ่มอีก 60% เป็น 100% แบบเต็มตัว จากที่เมื่อเดือนมิถุนายน 2017 เคยเข้าซื้อหุ้นมาแล้วรอบหนึ่งในสัดส่วน 40%
ดีลองกี้กับเนสเพรสโซ ต่างก็เป็นผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟแบบออโต้ยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้วยกันทั้งคู่ ถือเป็นคู่แข่งขันสำคัญในตลาดอุปกรณ์ชงกาแฟแบบครัวเรือนและแบบออฟฟิศ โดยดีลองกี้เน้นไปที่เครื่องชง “เอสเพรสโซ” กับ “กาแฟผสมนม” ส่วนเนสเพรสโซ เครือข่ายของเนสท์เล่ กรุ๊ป โด่งดังมากับเครื่องชง “กาแฟแบบแคปซูล” มีจอร์จ คลูนีย์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ชูโรงมาหลายปีดีดัก จึงถือกันว่าแคมเปญโฆษณาของคลูนีย์ที่สะท้อนคาแรคเตอร์แสนลุ่มลึกและสอดแทรกด้วยอารมณ์ขัน มีส่วนสำคัญที่ทำให้ กาแฟแคปซูลจากค่ายเนสเพรสโซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก
ดังนั้น เมื่อโฆษณาเครื่องชงกาแฟโดยแบรด พิตต์ เปิดตัวออกมา ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าการแข่งขันช่วงชิงตลาดระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ จะเป็นไปอย่าง “ดุเดือด” และ “รุนแรง” ยิ่งขึ้น ในช่วงที่อุปกรณ์ชงกาแฟแบบที่ใช้กันตามบ้านและสำนักงานกำลังขายดิบขายดี หลังจากสถานการณ์ “โควิด-19” ทำให้ผู้คนต้องหันมาทำงานกันที่บ้านมากขึ้น และจำนวนการเข้าร้านกาแฟก็ลดลง จากผลของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่หลายๆประเทศนำมาใช้ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะตัวนี้
จอร์จ คลูนีย์ ซึ่งแสดงภาพยนตร์ร่วมกับแบรด พิตต์ มาแล้วหลายเรื่อง ได้ทำงานร่วมกับค่ายเนสเพรสโซ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ มาถึงปีนี้ก็ 15 ปีเข้าไปแล้ว มีผลงานในแคมเปญโฆษณากาแฟมาแล้วมากมายหลายซีรีย์
อย่างล่าสุดก็เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ก็ผุดแคมเปญชื่อว่า “Made with Care” เล่าเบื้องหลังกาแฟที่มาจากความเอาใจใส่ดูแลในทรัพยากรมนุษย์ ผ่านมุมมองแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างตัวจอร์จ คูลนีย์ เอง และเฟรนด์ออฟเนสเพรสโซอีกหลายคน
ในบรรดาภาพยนตร์โฆษณากาแฟแคปซูลของเนสเพรสโซนั้น ชิ้นที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุดก็เห็นจะเป็นตอนที่จอร์จ คลูนีย์ แสดงร่วมกับ “แดนนี่ เดอวีโต้” ดาราตลกรุ่นใหญ่ เมื่อปีค.ศ. 2015 ในชื่อแคมเปญว่า “Training Day” ถือเป็นแอดโฆษณากาแฟที่มีความคลาสสิคอย่างแท้จริง ที่คนเขียนบทให้คลูนีย์ เป็นครูแนะแนวการดื่มกาแฟและการใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเดิมๆ ให้กับเดอวีโต้ เป็นการเขียนบทที่สอดแทรกทั้งความสนุกและอารมณ์ขันไว้อย่างครบเครื่อง สร้างเสน่ห์และสีสันให้กาแฟเอสเพรสโซแคปซูลเป็นยิ่งนัก ดูจบแล้วก็อมยิ้ม นึกอยากจิบขึ้นมาสักช้อตหนึ่งบ้างเหมือนกัน
สำหรับยอดขายผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เนสเพรสโซ รวมทั้งเครื่องชงกาแฟแคปซูลและแคปซูลกาแฟ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ก็ได้อานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 เช่นกัน โดยมีตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 14% เป็นเงิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลจากปรากฎการณ์ที่เครื่องชงกาแฟอัติโนมัติแบบครัวเรือนและออฟฟิศได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทางบริษัทแม่ “เนสท์เล่” ประกาศทุ่มเงิน 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายฐานการผลิตและการกระจายสินค้าของเนสเพรสโซในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรองรับความต้องการเครื่องชงกาแฟที่มีอัตราเติบโตสูงไปทั่วโลก
มาถึงชั่วโมงนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า หลังจากค่ายดีลองกี้ผุดแคมเปญโฆษณาเครื่องชงกาแฟออกไปแล้ว แบรด พิตต์ จะได้สัญญาทำงานยาวๆหลายตอนแบบจอร์จ คลูนีย์ หรือไม่ แต่ที่แน่นอนและชัดเจนก็คือ ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติกำลังแข่งขันช่วงชิงตลาดกันอย่างดุเดือด
เชื่อว่าในไม่ช้าไม่นานนับจากนี้ไป จะเห็นยักษ์ใหญ่ของเซกเมนต์นี้ที่ยังมีอีกหลายเจ้า ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ต้องออกมาเคลื่อนไหวเปิดเกมรุกชิงธงด้วยอย่างแน่นอน
facebook : CoffeebyBluehill