บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 (2018-2022) ในกลุ่ม Food Retailers & Wholesalers และยังคงรักษามาตรฐานมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ด้านสิ่งแวดล้อมที่ 4.1 คะแนน (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 1.3) ด้านสังคม 4.5 คะแนน (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 2.0) และด้านธรรมาภิบาล 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 3.7) ทำให้มีคะแนน ESG เฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.5 คะแนน
นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ยังได้คะแนนเต็ม 5 คะแนนในหัวข้อย่อยต่างๆ ของแต่ละด้านประกอบด้วย ด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง Environmental Supply Chain ด้านสังคม เรื่อง Customer Responsibility และ Human Rights & Community และด้านธรรมาภิบาล เรื่อง Corporate Governance และ Anti-Corruption
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า การได้รับเลือกเป็นสมาชิก FTSE4Good Index ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 5 ถือเป็นความภาคภูมิใจ และกำลังใจของทุกคนที่ซีพี ออลล์ และเป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นการต่อยอดยุทธศาสตร์สู่ความยั่งยืน
ซึ่งบริษัทได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร 15 เป้าหมาย ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainability Development Goals: SDGs) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติทั้ง 10 หลักการ (United Nations Global Compact: UNGC)
“ซีพี ออลล์ มีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน เพื่อเป็นองค์กรที่อำนวยความสะดวกให้ชุมชน สังคม มีความกินดี อยู่ดี มีสุข ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา เรายังยึดมั่นในค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ การสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้องค์กรเติบโตควบคู่ไปกับสังคมอย่างยั่งยืน การได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลกครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้เรายังคงพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป” นายยุทธศักดิ์ เน้นย้ำ
FTSE4Good Index เป็นหนึ่งในดัชนีชั้นนำที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ในการประเมินศักยภาพการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จัดทำโดย FTSE Russell (Financial Times Stock Exchange Russell) บริษัทอิสระที่จัดร่วมระหว่าง The Financial Times และ London Stock Exchange เพื่อทำดัชนีในระดับสากล (Independent Global Index Provider) ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดทำดัชนีให้ตลาดหลักทรัพย์สำคัญหลายๆ แห่งทั่วโลก
อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยในปี 2022 นี้มีตัวชี้วัดทั้งสิ้น 152 ตัวชี้วัด ใน 9 หัวข้อหลัก ที่ครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย การบริหารจัดการ การประเมินและจัดการความเสี่ยง และการรายงานผล โดยยึดข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะจากรายงานของบริษัททั้งรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน รายงานประจำปี รวมทั้งเว็บไซต์ขององค์กร
