อินเวสทรี ผนึกกำลัง ที โบรคเกอร์ (Investree x T Broker) ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม SMEs มุ่งเสริมสภาพคล่อง ป้องกันความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ เพิ่มโอกาสรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน ท่ามกลางสถานการณ์สินเชื่อภาคธุรกิจที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
นางสาวณัทสุดา พุกกะณะสุต ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเวสทรี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมแนวโน้มสินเชื่อภาคธุรกิจในประเทศไทย อยู่ในภาวะตึงตัว โดยภาคธุรกิจยังมีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น ขณะที่การให้สินเชื่อของสถาบันการเงินมีความเข้มงวดขึ้น และมีต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยรวม 6 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน และ การลงทุนในการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากการกลับมาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
“ธุรกิจในภาคบริการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ทำให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ต้องการสินเชื่อมากขึ้นเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่อุตสาหกรรมในภาคผลิต การส่งออกชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลัก แต่ปัญหาคือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะรายย่อยมีปัญหาสภาพคล่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง” นางสาวณัทสุดา กล่าว
นับแต่ได้ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. Investree Funding Portal ได้ระดมทุนออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงให้ SMEs ไปแล้ว 81 ราย คิดเป็นมูลค่าการออกหุ้นกู้กว่า 1,500 ล้านบาท โดยในปี 2565 มูลค่าการระดมทุนให้ SMEs โตขึ้นสามเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสำหรับช่วงไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทมีอัตราการเติบโตเกือบสามเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังมุ่งขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งฝั่งนักลงทุนและฝั่งผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
นายวรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า “ล่าสุด อินเวสทรี ได้ร่วมมือกับบริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กลุ่มธุรกิจการเงินในเครือบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดโอกาสให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการระดมทุนคราวด์ฟันดิง เสริมสภาพคล่องและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เราต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของอินเวสทรีและที โบรคเกอร์มีโอกาสเดินหน้าต่อยอดธุรกิจแม้ในภาวะสินเชื่อตึงตัว”
ด้านนางสาวสุวิมล บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทอยู่ในกลุ่มธนชาต ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินมายาวนาน มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจนายหน้าการจัดหาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินต่าง ๆ ที่หลากหลาย อาทิ ประกันวินาศภัย ประกันชีวิต สินเชื่อ และผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนต่าง ๆ ที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ผ่านการแนะนำและดูแลโดยทีมงานเครือข่าย T-Advisor ของบริษัทฯ ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 5,000 คน
“สำหรับการจับมือกับ อินเวสทรี ในครั้งนี้เป็นโอกาสของบริษัทฯในการขยายฐานการทำธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (Personal Line) ไปสู่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Corporate Line)โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย (SMEs) ได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำลูกค้าที่ปกติใช้สินเชื่อให้รู้จักแหล่งเงินทุนใหม่ผ่านการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิ้งกับ อินเวสทรี เพื่อดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติและกระบวนการออกหุ้นกู้กับลูกค้าโดยตรง”
นางสาวชนิตา ขยันตรวจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “T Broker สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจได้กว้างขึ้นจากการมีผลิตภัณฑ์นำร่องในการเสนอให้กับลูกค้าที่ใช้สินเชื่ออยู่แล้ว รวมทั้งสามารถต่อยอด เติมเต็มความต้องการด้านเงินทุนให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจเดิมที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยกับบริษัทฯอยู่แล้ว การร่วมมือกับอินเวสทรี ครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ครอบคลุม และตอบโจทย์ความต้องการยิ่งขึ้น”
“สำหรับแนวโน้มธุรกิจ SMEs ช่วงครึ่งปีหลัง มีหลายธุรกิจกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความไม่ชัดเจนจากนโยบายและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข” นางสาวณัทสุดา กล่าวและสรุปว่า
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกให้กับ SMEs ที่จดทะเบียนนิติบุคคล แต่เรายืนเดี่ยวไม่ได้ หากสภาพคล่องจากท่อน้ำใหญ่ เช่น ระบบธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ในขณะที่ตลาดสินเชื่อและการขอออกหู้นกู้ SMEs มีดีมานด์สูงเช่นเดียวกันกับระดับความเสี่ยงด้านการเงินสูง เราเองก็ต้องคัดกรองผู้ออกหุ้นกู้ที่มีศักยภาพด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 30 เม.ย. 2566 มีการระดมทุนคราวด์ฟันดิ้ง จำนวน 429 บริษัท มูลค่ารวม 2.1 พันล้านบาท มียอดสะสมรวมทั้งสิ้น 831 ราย มูลค่า 7.7 พันล้านบาท โดยอินเวสทรีมีส่วนแบ่งตลาด 20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 16% โดยอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับคือ 11.5% อินเวสทรียังคงมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบสนองต่อนักลงทุน รวมถึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการหาพันธมิตรเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
SMEs และนักลงทุนที่ต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อและการลงทุน ดูข้อมูลได้ที่ www.investree.co.th