โดย ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย
ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับไทยเอาจริงเปิดสงครามกับกลุ่มทุนจีนสีเทาซึ่งใช้ตะเข็บชายแดนหลักเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งสปป.ลาว, เมียนมาและกัมพูชาเข้ามาลงทุนเปิดคอมเพล็กซ์-คาสิโนและแฝงการลงทุนธุรกิจสแกมเมอร์ (scammers) รวมถึงการค้ามนุษย์หลอกลวงผ่านอินเตอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ มีการจ้างและ/หรือบังคับพนักงานคอลเซ็นเตอร์หลายสัญชาติให้ใช้วิธีต่างๆ มีการใช้ซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมหาศาลและเปิดบัญชีม้าหลอกลวงด้วยวิธีต่างๆ ให้เหยื่อโอนเงินหรือดูดเงินผ่านระบบออนไลน์ ในปีที่ผ่านมาคนไทยตกเป็นเหยื่อเท่าที่แจ้งความกว่า 7.4 แสนเคส มูลค่าความเสียหายมากกว่าแปดหมื่นล้านบาท ขณะที่ประเทศจีนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักใช้วิธี “จีนหลอกจีน” มีการตุ๋นล่อลวงอย่างเป็นระบบ ด้วยการใช้กลุ่มโมเดลลิ่ง-ดาราและคนดังมูลค่าความเสียหายคงมากกว่าไทยหลายเท่า ปีที่ผ่านมาจีนมีการจับกุมคนจีนหลายหมื่นคนที่เกี่ยวข้องกับแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา แก็งค์คอลเซ็นเตอร์สีเทากลายเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลจีน ปธน.สี จิ้น ผิง มีการพูดคุยกับนายกฯ อุ๊งอิ๊งช่วงไปประชุม “50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน” เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รายละเอียดต่างๆ คงรับทราบกันไปก่อนหน้านี้แล้ว
ประเด็นที่อยากสื่อสารประเทศไทยมีด่านชายแดนทั้งที่เป็นด่านถาวรและด่านชั่วคราวจำนวนมากเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปราบแก็งค์คอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง รัฐบาลขับเคลื่อนแนวชายแดนทั้งตัดไฟฟ้า-น้ำมันและสัญญาณอินเตอร์เน็ต ด่านเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงทางผ่านของแก็งค์สแกมเมอร์และนักพนันเท่านั้นแต่เป็นเส้นทางการค้าสำคัญของไทย ปีพ.ศ. 2567 มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนประมาณ 1.815 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.13 โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 281,291 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านโลจิสติกส์ให้เป็นผลประโยชน์แห่งชาติ ขอยกตัวอย่างด่านสำคัญซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า ได้แก่
สปป.ลาว เป็นประเทศที่จีนเข้ามาลงทุนแรกๆ โดยเฉพาะภาคเหนือ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำหรือคิงส์โรมัน (Kings Roman) เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จนเสมือนกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่ติดชายแดนไทยมากที่สุดเป็นอาณาจักรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Entertainment Complex) ที่สมบูรณ์แบบครบวงจร คงต้องติดตามว่าหลังจากแก็งค์จีนสีเทาถูกกดดันจากกัมพูชาและเมียนมาบริเวณนี้อาจจะกลายเป็นแหล่งสแกมเมอร์สำคัญต่อไป มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนมูลค่า 8.009 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.07 ไทยได้เปรียบดุลการค้า 37,092 ล้านบาท ด่านสำคัญคือมุกดาหาร/สะหวันเขต มูลค่า 3.620 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.2 ของการค้าทางบกไทย-ลาวรวมกัน รองลงมาด่านนครพนม/คำม่วน, ด่านหนองคาย/เวียงจันทร์, ด่านเชียงของ/แขวงบ่อแก้ว ปัจจุบันมีทางรถไฟความเร็วสูงผู้โดยสารและสินค้าจากเวียงจันทร์ไปจนถึงมณฑลคุนหมิง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางถนนหลายสายเชื่อมโยงกับจีนและประเทศเวียดนาม
ประเทศเมียนมา กำลังเป็นกระแสจากการที่ไทยตัดกระแสไฟฟ้า-น้ำมันและอินเตอร์เน็ตเพื่อกดดันแก็งค์สแกมเมอร์ซึ่งมีหลายกลุ่มอิทธิพลที่เข้าไปลงทุนในเมืองชายแดนที่ติดกับไทย ปัญหาของเมียนมาคือพื้นที่ส่วนใหญ่รัฐบาลกลางไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ เช่น จังหวัดเมียวดีอยู่ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด อยู่ภายใต้กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) และกองทัพกะเหรี่ยงเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) เป็นกองกำลังดูแลพื้นที่ซเวโก๊กโก่ (Shwekokko) อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษย่าไถ่ (Yatai) เป็นเมืองเล็กๆ ซ้อนอยู่ในจังหวัดเมียวดีแต่เดิมเป็นท่าและตลาดค้าวัว ทุนจีนสีเทาเข้ามาลงทุนกลายเป็นมินิลาสเวกัสเป็นแหล่งอบายมุข-ค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ครบวงจรระดับนานาชาติ
มูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดนทางบกไทย-เมียนมามูลค่าประมาณ 2.110 แสนล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.52 ไทยได้เปรียบดุลการค้า 24,254 ล้านบาท ด่านสำคัญคือแม่สอด-เมียวดี เป็นด่านเชื่อมโยงกับเมืองย่างกุ้งระยะทางประมาณ 450 กม. เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำคัญของเมียนมาร์ มูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน 76,275 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 36.1 ของการค้าขายแดนรวมกัน รองลงมาคือด่านสังขละบุรีเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ ตรงข้ามคือเมืองพะยาโต้ซุหรือพญาตองซู เป็นเมืองชายแดนระดับตำบลของรัฐกะเหรี่ยงขึ้นกับจังหวัดจาอินเซะจี นอกจากนี้ด่านระนอง/เกาะสองและด่านแม่สาย/เมืองท่าขี้เหล็ก
ประเทศกัมพูชา เป็นประเทศที่ทุนจีนสีเทาเข้ามาลงทุนอย่างเป็นล่ำเป็นสันมีการสร้างท่าเรือเรียมซึ่งกัมพูชาให้จีนใช้เป็นฐานทัพเรือปากอ่าวไทย เมืองที่นักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนคือเมืองสีหนุวิลซึ่งกลายเป็นดินแดนของจีนโดยปริยาย แต่หลังวิกฤตโควิด-19 จีนประสบปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้ทุนจีนถอนตัวจนเกือบเป็นเมืองร้าง ขณะที่แก็งสแกมเมอร์ใช้เมืองปอยเปตชายแดนติดกับด่านอรัญประเทศเป็นศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ซึ่งไทยมีการตัดกระแสไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตในอนาคตกำลังพิจารณาสร้างกำแพงระยะทาง 55 – 165 กิโลเมตร
มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ 1.813 แสนล้านบาทขยายตัวร้อยละ 8.06 ไทยได้เปรียบดุลการค้า 104,282 ล้านบาท ด่านสำคัญคือด่านอรัญประเทศ/ปอยเปต มูลค่า 1.167 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.36 ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชารวมกัน รองลงมา เช่น ด่านคลองใหญ่ตรงข้ามคือบ้านจามเยี่ยม อำเภอมณฑลสีมา จังหวัดเกาะกง นอกจากนี้มีด่านจันทบุรีและด่านช่องจอมตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตรงข้ามกับบ้านโอร์เสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา
จากที่กล่าวจะเห็นได้ว่าไทยได้ประโยชน์จากเส้นการค้าผ่านแดนและข้ามแดนจากประเทศ สปป.ลาวและกัมพูชาซึ่งเป็นเส้นทางส่งสินค้าทางบกไปประเทศจีนมูลค่าการค้าประมาณ 4.798 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.73 ขณะที่เวียดนามมีเส้นทางเชื่อมต่อจากสปป.ลาวหลายเส้นทาง มูลค้าการค้าผ่านแดนประมาณ 72,030 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.71 เห็นได้ว่าพื้นที่ชายแดนติดต่อกับเพื่อนบ้านซึ่งแม้จะเป็นแหล่งของจีนสีเทา-แก็งค์สแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ยังเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของไทย