“อันจะกินวิลล่า” ชื่อนี้อาจคุ้นหูบางคนที่ทำงานย่านสีลม เพราะเป็นชื่อร้านอาหารเล็กๆ ที่เปิดบริการที่นั่น ก่อนจะย้ายมาเปิดที่เชียงใหม่ในชื่อเดียวกัน
“อันจะกินวิลล่า” ร้านอาหารคอนเซ็ปท์ใหม่ของ เชฟก้อย-กนิษฐา ลิมังกูร อดีตสาวออฟฟิศที่เลือกก้าวออกมาจากความเป็นมนุษย์เงินเดือน สู่ทางเลือกใหม่..อาชีพอิสระบนพื้นฐานสิ่งที่ชอบ
นั่นคือการทำอาหารและทำร้านอาหาร แต่ก็ไม่เหมือนร้านอาหารทั่วไป เพราะเชฟก้อย เลือกทำอาหารแค่วันละโต๊ะเท่านั้น เป็นที่มาของชื่อ “เชฟวันละโต๊ะ” ที่ อันจะกินวิลล่า ซึ่งเธอใช้บ้านของตัวเองมาเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ ให้บริการแขกที่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก ที่แนะนำกันมาแบบปากต่อปาก ให้บริการแค่วันละโต๊ะเท่านั้น
ก่อนที่จะก้าวออกมาตามความฝัน เชฟก้อยก็คือสาวออฟฟิศ ทำงานประจำอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่มานานถึง 19 ปี แต่ด้วยความที่ใจรักเชียงใหม่อยากมาใช่ชีวิตบั้นปลายที่นี่ แต่ยังไม่ทันถึงวัยเกษียณ เชฟก้อยก็ตัดสินใจมาอยู่เชียงใหม่แล้ว ได้เดินตามฝันของตัวเองเร็วขึ้น
“ออกจากงานมา ก็คิดว่าอยู่เชียงใหม่จะเลี้ยงตัวเองอย่างไร ต้องหาอะไรทำจะได้ไม่เบื่อ เลยเลือกที่จะทำร้านอาหารเล็กๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทดลองทำที่เขาใหญ่ พอได้ประสบการณ์มาบ้าง” เชฟก้อยเล่าก่อนจะย้อนที่มาของการทำอาหารว่า เริ่มต้นความชอบมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ในวัยเด็กเชฟก้อย มีโอกาสทำอาหารให้คุณพ่อทานทุกเช้าวันเสาร์ ก็ทำอาหารมาเรื่อยๆ เป็นความคุ้นเคยและความชอบที่ติดตัวมาพอย้ายมาอยู่เชียงใหม่ จึงคิดทำร้านอาหาร แต่ไม่อยากลงทุนมาก อยากทำอะไรเล็กๆ ก็เลยใช้บ้านตัวเองเป็นร้าน ทำตามความฝันที่เคยมีมาตั้งแต่เด็กๆ ใช้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่เป็นองค์ประกอบ ใช้บ้านเป็นร้านอาหาร ใช้ครัวตัวเอง ใช้โต๊ะที่บ้านที่มีโต๊ะเดียวให้บริการ โดยช่วยกันทำกับแม่บ้านสองคน ทำแค่วันละโต๊ะเดียว ทุ่มเทให้ดีทำให้เต็มที่
คอนเซ็ปท์วันละโต๊ะ ตอนแรกเลยคิดว่าจะรับเฉพาะเพื่อนหรือคนรู้จัก แค่คนที่คิดถึงเราก็แวะมากิน คิดแค่นี้จริงๆ ทำให้คนรู้จักเท่านั้น แต่พอเริ่มทำปีแรกมีลูกค้าเก่าเชิญเพื่อนๆ มากิน โต๊ะแรกจากหมอฟันมาทานอาหารชื่อเสียงก็ไปกระจายต่อ ทำให้คนเชียงใหม่มากินเยอะ เพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ บอกต่อปากต่อปาก หลายคนบอกชียงใหม่เป็นเมืองปราบเซียน แต่ถ้าเราเข้าใจก็อยู่ได้สบาย คนเชียงใหม่ชอบอะไรเล็กๆ น่ารัก และอาร์ตๆ ร้านเล็กๆ น่ารักมีความเป็นศิลปะเป็นที่ชื่นชอบของคนเชียงใหม่
เชฟก้อย เล่าว่าโดยปกติก็ทำอาหารปาร์ตี้ กินข้าวกับเพื่อนอยู่แล้ว เครื่องครัวจานชามมีอยู่แล้ว เปิดร้านจึงไม่ยุ่งยาก แต่พอทำไปเจอว่าไม่พอก็ซื้อเพิ่ม แต่เน้นใช้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก่อน อย่างเช่นตัวเองไม่ชอบกินชาจึงไม่มีถ้วยชา แต่ว่าที่ร้านเสริฟชาหลังอาหารก็เลยต้องซื้อถ้วยชาเพิ่ม ค่อยๆ ทำ ทำไปปรับไปไม่ต้องเพิ่มอะไรเกินจำเป็น ใช้ต้นทุนที่เรามีอยู่
ทำไมต้องทำวันละโต๊ะ อันนี้ มาจากแนวคิดว่าร่างกายเป็นต้นทุนที่ต้องถนอม เราจึงทำวันละโต๊ะเท่านั้น … ทำมา 2 ปีกว่าแล้ว เวลาทำอาหารไม่ได้นั่งเดินตลอด ถ้าทำหลายชั่วโมงก็ไม่ไหวเพราะไม่ได้นั่งเลย จึงเลือกเท่าที่พอไหว นอกจากนั้นชีวิตก็มีอะไรให้ทำอื่นๆ อีก
ในหนึ่งเดือน เชฟก้อยทำอะไรหลากหลาย ได้เงินบ้างไม่ได้เงินบ้าง ทำเพื่อความสุขอย่างทำเชียงใหม่ออแกนิกส์ ผักอินทรีย์ ก็ทำเพราะใจรัก การใช้ของอินทรีย์ก็ไม่ได้โฆษณาใช้ให้เป็นเรื่องปกติอันจะกินวิลล่า ไม่ได้เปิดทุกวันใครจะมาต้องจอง ก็มีจองมาเรื่อยๆ ตลอด ส่วนมากก็จากคอนแทคเดิมที่มีอยู่ หรือใครสนใจก็จองผ่านเพจเฟซบุ๊คได้ชื่อเพจ anjakinn
แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่อันจะกินวิลล่า ก็มีเก็บเรคคอร์ดแขกที่มากิน จดชื่อแขกและจำนวนคนมากิน ส่วนใหญ่เป็นคนเชียงใหม่ 70-80% นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีญี่ปุ่น ฝรั่ง การเปิดให้คนอื่นเข้ามาในบ้านได้ทุกวัน มานั่งรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยอะไร
เพราะแขกที่มาส่วนใหญ่มักจะมีตัวตน มีการแนะนำต่อๆ กันมา ส่วนเรื่องเมนูก็คุยกันทั้งเลือกไม่เลือกแล้วแต่แขก บางทีอาจมีปัญหาวัตถุดิบบ้างก็ปรับเปลี่ยนกันไป แต่เราก็มีเมนูคล่องมือชุดแรกๆ เช่น สลัดอกเป็ดรมควัน พอร์คช้อป แขกชอบบอกเนื้อนุ่มดี เป็นต้น
เชฟก้อยบอกว่าทุกวันนี้ลงตัว ได้ทำสิ่งที่ชอบ ใช้ชีวิตที่สมดุล มีเวลาไปช่วยสังคม มีเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นการทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อีกแบบ สไตล์เชฟวันละโต๊ะ ที่อันจะกินวิลล่า @
ภาพ : facebook.com/anja-kinn