“วัชร มารีน” ต่อยอดธุรกิจจากเทรดดิ้งสู่การท่องเที่ยว เปิดอะคาเดมี่สอนขับขี่ยานพาหนะ และทำทัวร์พรีเมียม เปลี่ยนทิศทางท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงขึ้น
บริษัท วัชร มารีน จำกัด เริ่มต้นธุรกิจจากเทรดดิ้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางน้ำของยามาฮ่า พวกเครื่องยนต์เรือ เจ็ตสกี สปีดโบ๊ท จากนั้นได้ขยายธุรกิจขายรถจักรยานยนต์พวกบิ๊กไบค์ รถออฟโรด และยูทีวี ล่าสุดได้ต่อยอดไปสู่ธุรกิจท่องเที่ยว “ธเนศ เสถียรพันธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัชร มารีน จำกัด กล่าวในรายการ “ลับคมธุรกิจ” ทางคลื่นมิติข่าว 90.5 ว่า บริษัทประกอบธุรกิจปีนี้เข้าสู่ปีที่ 19 แล้ว
โดยมีลูกค้า 2 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มที่ซื้อไปเพื่อประกอบธุรกิจ เช่น เรือทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวเกาะพีพี เกาะล้าน หรือเจ็ตสกีให้เช่าหน้าหาด และ 2.คนที่ซื้อไปเล่น ซึ่งเมื่อก่อนคนกลุ่มนี้มีน้อย แต่ตอนนี้ก็มีปริมาณเยอะขึ้น เพราะสมัยก่อนอาจมองว่าเป็นเรื่องอันตราย เป็นเรื่องไกลตัว และยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ทำให้คนเล่นน้อย
ต่อยอดธุรกิจเทรดดิ้ง เปิดอะคาเดมี่สอนขับขี่ยานพาหนะ และทำทัวร์พรีเมียม
“ธเนศ” กล่าวว่า ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ขยายตัวสูงขึ้น และมีการเรียกร้องให้พาไปเที่ยว เพราะซื้อรถ ซื้อเรือแล้วจอดอยู่เฉยๆ ไม่ได้ไปไหน เราก็เลยตั้งทีมการตลาดฝ่ายกิจกรรมขึ้นมา เป็นส่วนส่งเสริมการขาย พาลูกค้าที่มียานพาหนะนี้แล้วไปท่องเที่ยวด้วย ปรากฏว่าได้รับความสนใจมากขึ้น จากที่เคยจัดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นไตรมาสละครั้ง เดือนละครั้ง ตอนนี้จัดทุกเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเต็มหมดแล้ว บางอาทิตย์มีเสริมกลางสัปดาห์ด้วย หลังจากนั้นก็มีเสียงเรียกร้องว่าเพื่อนอยากไปเที่ยวด้วย แต่ไม่มีรถ ไม่มีเรือ ขอเช่าได้หรือไม่ ทางเราก็เลยจัดบริการให้เช่าด้วย สุดท้ายก็มีคนประชาสัมพันธ์ออกไป คนก็เริ่มเห็นว่าไลฟ์สไตล์แบบนี้น่าสนใจ เขาก็อยากมาแต่ไม่มีเพื่อน จะมาอย่างไร จะทำเป็นได้อย่างไร เราก็ต่อยอดไปอีกด้วยการตั้งทีมอะคาเดมี่ขึ้นมา เพื่อสอนขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทที่เราขาย เพราะเขาต้องการทักษะ สมัยก่อนนักท่องเที่ยวจะซื้อตั๋วเป็นผู้โดยสาร แต่กิจกรรมที่เราทำ เขาจะเป็นกัปตัน เป็น Rider เป็น Driver ทำให้เรากลายเป็นทัวร์พรีเมียม เพราะมันมีความยากและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย
“Speed Republic” ทัวร์พรีเมียมเปลี่ยนทิศทางท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงขึ้น
กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัชร มารีน จำกัด กล่าวว่า นักธุรกิจที่ซื้อยานพาหนะเราไปประกอบกิจการ ลูกค้าของเขาจะเป็นต่างชาติส่วนใหญ่ที่เที่ยวพัทยา ภูเก็ต สมุย แต่กลุ่มที่เราทำเป็นคนไทย และเป็นคนต่างชาติที่อยู่ในไทยแล้วโอนยานพาหนะเหล่านี้อยู่กับตัวเขาเลย นักธุรกิจที่ซื้อไปประกอบธุรกิจก็เจอปัญหา เพราะท่องเที่ยวบ้านเรามีระบบเอเจนท์ มีการแข่งขันเรื่องราคา พอมาร์จินเริ่มน้อย ก็ยากที่ผู้ประกอบการจะให้บริการที่มีมูลค่าสูงได้ ทำให้เรารู้สึกว่าการท่องเที่ยวบ้านเราคุณภาพลดลง
เราก็เลยมองว่าตรงนี้จะเป็นสะพานเชื่อมไปถึงนักธุรกิจหลัก ซึ่งวันนี้เรานำต่างชาติอยู่ ถ้าเราเติมกิจกรรมที่มีมูลค่ามากขึ้น แทนที่เราจะมีรายได้ 20 หรือ 50 เหรียญ/หัว ก็อาจขึ้นไป 100 หรือ 200 เหรียญ/หัว ซึ่งถ้าไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ราคาตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ 100 เหรียญ หรือโชว์ในลาสเวกัส ก็อยู่ที่ประมาณ 100 เหรียญ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เขาจ่ายได้อยู่แล้ว พอมาดูบ้านเรา นักท่องเที่ยวจ่ายต่อหัวไม่ถึงเท่านั้นและยังต่ำลงเรื่อยๆ เพราะมีการตัดราคา เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเรื่องการตลาด
ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการเราไม่มีความสามารถที่จะทำงาน แต่เป็นโครงสร้างที่ตีกรอบมา เลยเป็นขีดจำกัด แต่เราไม่ได้อยู่ในธุรกิจตรงนั้นโดยตรง 100% เราสามารถทำ R&D ได้ เรื่องนี้ก็เป็นการช่วยผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าเราด้วย โดยเราทำให้ดูว่าทำได้ ถึงจะเป็นลูกค้าที่เริ่มจากคนไทยก่อน แต่ต่างชาติที่เขาจ่ายได้และอยากได้แบบนี้ก็มีเหมือนกัน ก็ช่วยเปลี่ยนทิศทางท่องเที่ยวบ้านเรา จากที่ตีตั๋วเที่ยวอย่างเดียว ก็ให้มีมูลค่าสูงขึ้น และเป็นทางออกของการท่องเที่ยวไทยด้วย เราเลยตั้งหน่วยงานขึ้นมาชื่อ Speed Republic เป็นทัวร์พรีเมียมที่ทำมาได้ 4-5 ปีแล้ว
มองยุโรปเป็นโมเดล พัฒนาท่องเที่ยวบ้านเราได้อีกมาก ทั้งบนชายฝั่งและในทะเล
“ธเนศ” กล่าวว่า จากเดิมที่ Speed Republic เป็นเหมือนหน่วยสนับสนุน ตอนนี้ก็เริ่มมีปริมาณเพียงพอที่จะแยกออกมา กำลังคิดอยู่ว่าควรจะจดทะเบียนเป็นอีกบริษัทหนึ่งเลยดีหรือไม่ ซึ่งเพิ่งจะมีจำนวนเยอะๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราก็คิดเรื่องต้นทุนก่อน เรื่องต้นทุนทางธุรกิจไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องเวลา ใน 1 ปีมีประมาณ 52 สัปดาห์ ตลาดคนไทยจะหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นจะมีเวลาอยู่ประมาณ 100 วัน ใน 1 ปี เราก็ค่อยๆ เติมคนเข้ามาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ตอนนี้ทรัพยากรที่ลงไปในแต่ละฝูงไม่ว่าจะเป็นรถหรือเรือ เริ่มเต็มความจุแล้ว และเริ่มเต็มในเรื่องของเวลาคือ 50 สัปดาห์ หลังจากนี้ก็เป็นการขยับในเรื่องของฝูงว่าถ้าคนเล่นเรือเยอะ เราก็เติมเรือเพิ่ม 1 กอง หรือ รถ 1 กอง ตอนนี้จำนวนลูกค้าเพียงพอกองรถ กองเรือที่เรามี เต็มตลอดทั้งปีแล้ว หลังจากนี้เป็นส่วนของการขยายกองรถ กองเรือ ออกกไปเรื่อยๆ ตามดีมานด์ที่เข้ามา
ส่วนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามา เตรียมการองรับด้านการท่องเที่ยวอย่างไรนั้น “ธเนศ” กล่าวว่า ตนเองมองยุโรปเป็นโมเดล เพราะคนยุโรปกับการท่องเที่ยวทางน้ำถือเป็นอันดับ 1 และมีการพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ ถ้ามองจำนวนตัวเลขพื้นฐาน จะพบว่าห้องพักในยุโรปทั้งหมดอยู่ตามชายฝั่งครึ่งหนึ่ง บ่งบอกถึงมูลค่ามหาศาล ซึ่งบ้านเราก็มีชายฝั่ง
นอกจาก EEC แล้วยังมีภาคใต้อีกเยอะ ซึ่งคนจะเข้าใจผิด จะมองไปที่เกาะ แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะธุรกิจจริงๆ จะเกิดอยู่ที่ชายฝั่ง ซึ่งตลอดชายฝั่งเรายังทำอะไรได้อีกเยอะมาก หรือแม้แต่นอกชายฝั่งที่เป็นทะเลว่างเปล่า ยุโรปที่หนาวและไม่มีเกาะสวยเหมือนบ้านเรา เขายังมีเรือสำราญขนาดใหญ่แล่นไปแล่นมา สร้างเซอร์วิสอยู่บนเรือ ดังนั้นในภาพใหญ่ เรายังพัฒนาได้อีกมากมายทั้งบนชายฝั่งและในทะเล
การท่องเที่ยวทางน้ำต้องชัดเจนเรื่องเปิด-ปิดอุทยาน และให้รัฐช่วยเรื่องโครงสร้างการตลาด
กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัชร มารีน จำกัด กล่าวถึงการทำธุรกิจท่องเที่ยวในเมียนมาร์ที่เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน ร่วมกับ Kento เป็นบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำทางภาคใต้ของเมียนมาร์ อยู่ที่เมืองเกาะสอง ตรงข้าม จ.ระนอง ซึ่งการทำธุรกิจในเมียนมาร์นั้น ตามกฎหมายเราจะต้องเป็นจอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเราก็มีแนวคิดว่าการจะทำอะไรก็ควรมีพาร์ทเนอร์ เพราะไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง ในพื้นที่เขาก็จะมีความชำนาญของเขา
ส่วนนโยบายการท่องเที่ยวทางน้ำของไทย ที่จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจนั้น ตนเองคิดว่าสำคัญที่สุดคือ 1.ความชัดเจนในการลงทุน เพราะการท่องเที่ยวทางน้ำจะเกี่ยวข้องกับพื้นที่ภาครัฐ เช่น อุทยาน ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะเปิด-ปิดเมื่อไร ลูกค้าเราที่เป็นผู้ประกอบการจะเดือดร้อนมาก เพราะไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ถ้าภาครัฐมีแผนระยะยาว 5 ปี 10 ปี เราก็จะสามารถวางแผนได้ว่ากี่ปีจะได้คืนทุน
2.โครงสร้างทางการตลาด ซึ่งเราอาจต้องปรับ เพราะหลายปีที่ผ่านมา เราประชาสัมพันธ์อย่างเดียว เน้นแต่การทำโฆษณา แต่ไม่ได้เน้นการพัฒนาโพรดักส์กับเซอร์วิส ซึ่งในส่วนนี้ที่ผ่านมาเอกชนจะทำกันเอง แต่ถ้าเราร่วมมือกันทำกับภาครัฐจะดีกว่า รวมทั้งอยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องการวางโครงสร้างการตลาดที่แข็งแกร่ง เพราะบางทีเอเจนท์ต่างประเทศเขามีความแข็งแรง และเราไม่สามารถควบคุมได้ 100% ซึ่งอาจกระทบกับการทำธุรกิจได้ ก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ด้วย @
ภาพ : watcharamarine.co.th