สัมภาษณ์: คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไปงาน “มหกรรมยานยนต์”
โดย ดร.นงค์นาถ ห่านวิไล
Motor Expo 2022 (The 39th Thailand International Motor Expo 2022) หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ได้เวลา…สัมผัสอนาคต – It’s TIME…Come Touch the Future”
งานนี้ เป็นงานปิดโค้งสุดท้ายของตลาดรถยนต์ ซึ่งจะมีไฮไลท์มากมาย ทั้ง รถรุ่นใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หลากหลายแบรนด์ มาเปิดบูธแสดงในงาน ตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในฤดูขายปลายปี
โดยงาน Motor Expo 2022 จัดที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2565 ติดตาม สัมผัสอนาคตยานยนต์ และ ไฮไลท์ ในงานนี้ได้จาก บทสัมภาษณ์ คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไปงาน “มหกรรมยานยนต์”
ดร.นงค์นาถ: งานปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีไฮไลต์ และมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
คุณชลัทชัย: บรรยากาศงานของปีนี้คึกคักเหมือนตอนก่อนเกิดโควิด สังเกตได้จากประชาชนที่เข้ามาชมงานอย่างคับคั่ง ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศที่เราคุ้นตา ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 วันหยุดที่ผ่านมาในอาคารชาเลนเจอร์คนก็เต็มแทบทุกบูธ สิ่งที่เราสังเกตเห็นคือ การจองรถหรือการซื้อขายก็เริ่มกลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด 2 ปีที่ผ่านมา และในงานปีนี้เรามี exhibitors หรือผู้ร่วมงานที่เป็นรถยนต์ทั้งหมด 35บริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทมีการแนะนำรถใหม่หลายรุ่น นับว่าปีนี้เป็นปีหนึ่งที่มีการแสดงรถใหม่เยอะจริงๆ
ดร.นงค์นาถ: รถใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้ มีค่ายไหนบ้าง
คุณชลัทชัย: มีเยอะเกือบแทบทุกค่ายเลย แต่สิ่งที่เราสังเกตได้ก็จะเป็นเรื่องของ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถ Hybrid, Plug-in hybrid รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: xEV) มีการเปิดตัวในงานนี้หลากหลายแบรนด์ หลายรุ่น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด มีทั้งรถ SUV ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
ดร.นงค์นาถ: ยอดจอง SUV มาอันดับต้นๆ เลยใช่ไหม
คุณชลัทชัย: ใช่ ถ้าเราแบ่งประเภทรถจะเห็นชัดเจนว่าปีนี้ SUV มาแรงมากในสถิติการจองรถเทียบกับปีก่อนหน้า SUV ปีนี้ตัวเลขเกือบ 60% เลยทีเดียว ปีที่แล้วประมาณ 50% สูงขึ้นเกือบๆ 10% เลยทีเดียว
ดร.นงค์นาถ: เหตุผลที่ SUV ได้รับความนิยมมากขึ้น ในช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรบ้าง
คุณชลัทชัย: คิดว่ารถ SUV อาจจะเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคชาวไทย เนื่องจากเป็นรถที่ใช้ได้ทั้งวันหยุด และ วันทำงาน ใช้เดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวในวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากเป็นรถที่สามารถขนของก็ได้ ขนคนก็ได้และมีการใช้งานหลากหลาย รวมถึงรถประเภทนี้ ก็จะมีช่วงล่างสูง จากพื้นขึ้นมามากกว่าปกติเวลาที่บ้านเรามีน้ำท่วม หรือ มีสภาพทุรกันดารในต่างจังหวัด รถประเภทนี้ก็ตอบโจทย์การใช้งาน โดยเฉพาะการที่สามารถขับไปได้ในหลากหลายพื้นที่ คนไทยก็เลยนิยมใช้รถ SUV กันมากขึ้น เดี๋ยวนี้เทรนด์เรื่องการแคมป์ปิ้งก็เริ่มมาอีกด้วย รถประเภทนี้ออกไปท่องเที่ยว ไปแคมปิ้ง กันสะดวก
ดร.นงค์นาถ: ในงานนี้มีรถยนต์ EV ค่ายใหม่ แบรนด์ใหม่ มาร่วมเปิดบูธ กี่ค่าย และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาไปไกลแค่ไหนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
คุณชลัทชัย: ในปีนี้นอกจากรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในงานแล้ว เรายังสังเกตเห็นว่าในหลายๆ ผู้ผลิต มีการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น รวมถึงมีบางค่ายที่เป็นค่ายใหม่เอี่ยม มาเปิดตัวในงานมี 2-3 ค่าย ซึ่งผู้ผลิตจากประเทศจีน เขาก็จะเน้นไปทางรถไฟฟ้ามากหน่อย
ปีนี้นอกจากรถสันดาปที่เรามีอยู่ทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าล้วนหรือรถ BEV เรานับได้ถึง 38 รุ่นเลยที่มาเปิด นี่ยังไม่รวมพวก xEV Plug-in หรือ Hybrid นี่ยังมีอีกหลายรุ่นเลย จากตัวเลขที่เราเก็นสถิติจองรถชิงรถ ตัวเลขที่เป็น xEV เป็นสัดส่วนถึง 35% ของยอดจองทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็น segment ใหม่ที่มากระตุ้นยอดจองของตลาดได้ดี ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น
ส่วนเรื่องการใช้รถไฟฟ้านี้มีความพร้อมอย่างไรกับผู้บริโภค ส่วนตัวคิดว่าในตลาดรถไฟฟ้าก็ต้องการ การปรับตัวของทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และของทางภาครัฐทั้งเรื่องของการเรียนรู้ การใช้งาน เพราะรถไฟฟ้าจะมีการใช้งานแตกต่างจากรถทั่วไปในเรื่องของการชาร์จเพราะรถยนต์ทั่วไปเวลาที่เราเติมน้ำมันสามารถวิ่งไปได้ แต่เมื่อไหร่ที่น้ำมันหมดเราก็ไปหาปั๊มน้ำมันเติมได้ไม่ได้ยาก
ส่วนรถไฟฟ้านี้จำนวนสถานีชาร์จก็ยังมีจำนวนไม่มาก และคนที่ใช้รถไฟฟ้าก็ต้องมาดูว่าวิธีการใช้รถของเราเหมาะไหม เพราะว่าถ้าเป็นรถ BEV หรือรถไฟฟ้าล้วนมีรัศมีการทำการแล้วแต่ บางคันก็ 200 , 300 , 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่าวิธีการใช้รถ ต้องเดินทางต่อวันมากน้อยแค่ไหน และก็จุดเติมจะไปเติมที่ไหน เช่น ระหว่างทางจากที่บ้านไปที่ทำงานมีสถานที่เติมไหม หรือที่บ้านของเขาเองมีจุดชาร์จหรือไม่ ถ้าจะต้องติดตั้งเครื่องชาร์จกระแสไฟที่บ้านเพียงพอไหมในการรองรับการชาร์จในขณะอยู่ที่บ้านไหมเป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคที่จะหันมาใช้รถไฟฟ้าก็ต้องศึกษาข้อจำกัด และข้อมูลว่ารถไฟฟ้าเป็นอย่างไร เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราไหม
ดร.นงค์นาถ: ระบบรถไฟฟ้าในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วไหม
คุณชลัทชัย: เทคโนโลยีต่างๆ ของรถไฟฟ้า ได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ การชาร์จ Quick ชาร์จ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ว่ารองรับแบบ DC ชาร์จก็เป็นเรื่องสำคัญกระแสไฟที่สามารถใส่เข้าไปในรถรองรับกระแสเร็วได้แค่ไหน ก็จะทำให้ระยะเวลาในการรอการชาร์จสั้นลง คิดว่าเวลานี้เราอยู่ในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังพัฒนา ผู้บริโภคก็ต้องปรับตัวในการใช้งาน ถ้ายังไม่เหมาะกับเราตอนนี้ ก็ยังมีเทคโนโลยีอย่างอื่นที่เป็นทางเลือกอยู่ เช่น รถประเภท Plug-in hybrid ซึ่งก็ยังมีเครื่องยนต์เหมือนเดิมแต่มีเรื่องของไฟฟ้าเข้ามาเสริมด้วย เพราะฉะนั้นเป็นการเรียนรู้ ถ้าทดลองใช้รถคันนี้ไปแล้วเติมน้ำมันเหมือนเดิมแต่ไม่ได้ชาร์จเลย แสดงว่ารถคันต่อไปอาจจะไม่เหมาะใช้รถไฟฟ้า แต่ถ้ารถคันนี้ เติมน้ำมันน้อยลง แต่ไปเสียบชาร์จได้มากขึ้นบ่อยๆ ตามวิถีการใช้งาน รถคันต่อไปอาจจะเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าหรือ BEV ก็น่าจะเหมาะ
ดร.นงค์นาถ: โปรโมชั่นของงานเอง และโปรโมชั่นของค่ายต่างๆมีอะไรน่าสนใจบ้าง
คุณชลัทชัย: ปีนี้ทางผู้จัดงานก็เตรียมแคมเปญหรือโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย 5 แคมเปญหลักสำหรับคนที่มาชมงาน และจองหรือซื้อรถภายในงานมาลงทะเบียนกับเรา แคมเปญนี้เรียกว่า “ซื้อรถ ชิงรถ” ซึ่งรางวัลปีนี้จะเป็น MG ZS EVเป็นรถไฟฟ้า100% สำหรับคนที่มาจองก็มีสิทธิร่วมแคมเปญนี้กับเราด้วย แคมเปญที่2 ชื่อว่า “ซื้อบัตร ชิงรถ” ซื้อบัตรเข้าชมงาน 100 บาท วิธีการร่วมสนุกคือ สแกน QR code และลงทะเบียนในนั้นก็จะมีสิทธิชิง VOLT City EVเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก มูลค่าประมาณ 4-5 แสนบาท
แคมเปญที่ 3 เรียกว่า “ซื้อสินค้า ชิงรถ” คือซื้อสินค้าภายในงานแล้วมาลงทะเบียนกับเราก็จะมีสิทธิชิง Mitsubishi Mirage 1 คัน แคมเปญที่ 4 จะเป็นเรื่องของ “ซื้อมอเตอร์ไซค์ ชิงบิกไบค์” เป็นYamaha MT-09 มูลค่าประมาณ 4-5 แสนบาท
รางวัลสุดท้ายเป็นรางวัลใหม่ที่เราเรียกว่า “ชม Motor Expo Online ของรางวัล” ลงทะเบียนในนั้นก็สามารถรับรางวัลเป็น Apple Watch Series 8 / 5 รางวัล ทั้งหมด 5 แคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่เราส่งเสริมการขายให้กับผู้ที่เข้ามาชมงาน ผู้ที่สนใจงานถึงจะยังไม่มาชมก็ตาม ชมออนไลน์ก็สามารถมาร่วมสนุกกับเราได้
ดร.นงค์นาถ: โปรโมชั่นของค่ายรถยนต์ต่างๆ เป็นอย่างไรบ้างในปีนี้
คุณชลัทชัย: อันนี้ต้องมาดูกันเพราะว่ามีเยอะเลย ทั้ง 35 ยี่ห้อเขามาเปิดตัวพร้อมกันเพราะฉะนั้นแคมเปญต่างๆ รับรองว่ามีไม่น้อยแน่นอน มีแคมเปญเรื่องของสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่างๆ ไม่น้อยแน่นอน เรียกว่าเป็นโอกาสดีที่เดียว และสามารถเดินหาข้อมูลในงานในเวลาที่ไม่ต้องนานมาก
ดร.นงค์นาถ: ยอดจองรถ ล่าสุดจำนวนกี่คันแล้ว
คุณชลัทชัย: จนถึงวันที่ 8 ธ.ค. ตัวเลขจะอยู่ราวๆ 17,000 คัน ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว รถมอเตอร์ไซค์ราวๆ 2,000 -3,000 คัน ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วหลายเปอร์เซ็นต์
ดร.นงค์นาถ: จบงานวันที่ 12 ธ.ค.นี้ คาดว่ายอดจองรถทั้งหมดประมาณกี่คัน
คุณชลัทชัย: จะคาดเดายากหน่อย เนื่องจากส่วนใหญ่ 3 วันสุดท้าย ผู้บริโภคจะมาตัดสินใจกัน ซึ่งส่วนใหญ่ 3 วันสุดท้าย ยอดจะเพิ่มขึ้นกว่าวันทั่วๆ ไป 2 – 3 เท่า ถ้าเราเอายอดปีที่แล้วมาคำนวณจากที่ผ่านมา ของปีนี้ ก็คิดว่าน่าจะ 3,3000 – 3,5000 ราวๆ นี้ ก็ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว
ดร.นงค์นาถ: ดูจากงานนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภค เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
คุณชลัทชัย: จากกระแสรถ SUV ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งคือ การตอบรับการใช้รถไฟฟ้า ซึ่งแบรนด์ที่เพิ่งแนะนำเข้าสู่การตลาดไม่นาน คนไทยก็เปิดรับแบรนด์ใหม่อย่างดีดูจากตัวเลขจองรุ่นที่ขายดีจะเป็นรุ่นรถไฟฟ้าซึ่งน่าสนใจทีเดียวเพราะเพิ่งเปิดตัวไม่นาน และผู้บริโภคชาวไทยตอบรับอย่างดี
ดร.นงค์นาถ: เรียกได้ว่าคนไทยกำลังเปิดรับการเปลี่ยนแปลงรถยนต์เทคโนโลยีสันดาป ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้ากันแล้วใช่ไหม
คุณชลัทชัย: อย่างที่คำขวัญของงานคือ “ได้เวลาสัมผัสอนาคต” ก็คงจะเป็นเรื่องจริง รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นเรื่องอนาคตไกลๆอีกต่อไป วันนี้อนาคตได้มาถึงแล้ว และมาให้สัมผัสแล้วภายในงานนี้
ดร.นงค์นาถ: สรุปการจัดงาน Motor Expo 2022 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ในปีนี้
คุณชลัทชัย: เชิญชวนมาชมอนาคตเทคโนโลยียานยนต์ที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที พร้อมกับ ชมรถยนต์จาก 35 แบรนด์ รถจักรยานยนต์อีก 27 แบรนด์ ที่รวบรวมมาไว้ในงานนี้ นอกจากนั้นเรายังมีเรื่องของรถโบราณ รถใช้แล้ว ให้ชมอีกด้วย รวมถึง motorsport accessories ต่างๆ และยังมีเรือให้ชมอย่างหลากหลาย เรียกว่ามีความครบถ้วน พร้อมกิจกรรมอีกมากมาย ที่รองรับผู้ชมงาน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ มาเสริมให้งานสมบูรณ์มากขึ้น
